แอลเลน มินิช หนุ่มใหญ่วัย 61 ปี เดินลำพังในป่าที่อะแลสกา ขณะทำการสำรวจพื้นที่ให้แก่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ พลางบันทึกตัวเลขต่างๆ ลงในเครื่องมือจีพีเอส และแล้ว ในวินาทีนั้นเอง เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ยักษ์ซึ่งเดินมาทางเขา ห่างกันเพียง 6 เมตร
“ผมเห็นเขา พร้อมกับที่เขาก็เห็นผม มันน่ากลัวมากครับ” หนุ่มมินิชเล่าทางโทรศัพท์ขณะให้สัมภาษณ์แก่เอพี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 พฤษภาคม) ขณะที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของเมืองแองเคอเรจ
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือ หมียักษ์ตัวนั้นตรงเข้าขย้ำมินิช ซึ่งครางในใจว่าให้มันได้อย่างนี้สิ แล้วมินิชก็ต่อสู้สุดความสามารถ แต่แพ้เรี่ยวแรงมหาศาลของหมีวายร้าย และได้รับบาดเจ็บเละไปทั่วใบหน้าและศีรษะ นานเกือบ 10 วินาที เมื่อหนำใจแล้วมันก็ปุบปับยุติพฤติกรรมสัตว์ป่าของมัน และเดินผละจากไปแบบเงียบๆ ง่ายๆ
นาทีชีวิตเฉียดตายของแอลเลน มินิช เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าห่างไกลจากตัวเมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา เมื่อวันอังคารที่ 18 พฤษภาคม 2021
มินิชอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสขั้นสุด กระดูกกรามขวาแตกหักหลายจุด และบนศีรษะมีบาดแผลฉีกขาดฉกรรจ์ทั้งใหญ่และลึกมากกระทั่งคุณหมอบอกว่ามองเห็นกระดูกได้ถนัดตา นอกจากนั้น หลายจุดบนใบหน้าก็ฉีกขาด เหนืออื่นใดคือ บริเวณดวงตาข้างซ้ายถูกทำร้ายรุนแรง
คุณหมอใช้เวลาผ่าตัดรักษาบาดแผล ตลอดจนเย็บแผลบริเวณต่างๆ นานสี่ชั่วโมงครึ่ง สำหรับที่ดวงตานั้น คุณหมอต้องประกบป้องกันไว้ด้วยผ้าพันแผล และบอกว่าอาการน่าเป็นห่วงมาก
รู้วิธีป้องกันตัวจากหมียักษ์ แต่ต้านทานไม่ไหวจริงๆ
ในการปะทะแบบไฟต์บังคับกับหมียักษ์สีน้ำตาลทะมึน ซึ่งมินิช หนุ่มใหญ่วัยเกษียณอายุ ประเมินว่าเป็นไซส์จับโบ้ใหญ่โตกว่าหมีดำขนาด 300 ปอนด์ (136 กิโลกรัม) ที่เขาเคยเห็นมาก่อนนั้น มินิชได้พยายามใช้ความรู้และทักษะการเอาตัวรอดจากการตกเป็นเหยื่อของหมียักษ์หลายกระบวนท่าทีเดียว
ภายในแค่สองสามวินาที เจ้าหมีดุร้ายพุ่งเข้าเล่นงานโดยหมายจะประชิดตัวมินิช ส่วนมินิชก็พยายามหลบหลังแนวพุ่มสนต้นเตี้ยๆ ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย เจ้าหมีลุยฝ่าเข้ามาจะคว้าตัวเหยื่อของมัน มินิชจึงเอาปลายเสาสำรวจด้านแหลมพุ่งยันตัวหมี แต่มันปัดอย่างแรง ทั้งเสาทั้งคนกระเด็นไปกองที่พื้น
“เขาคร่อมเหนือตัวผม ผมจับขากรรไกรล่างของเขาเพื่อจะลากเขาให้พ้นออกไป” มินิชเล่าและอธิบายแท็กติกการป้องกันตัวจากสัตว์มีทั้งเขี้ยวและเล็บใหญ่โตคมกริบดังนี้
“เพราะว่าถ้าคุณจับขากรรไกรล่างของสุนัข มันจะกัดคุณไม่ได้” มินิชบอกว่าจังหวะนี้เองที่ทำให้ตัวเขาได้แผลเจาะบนมือ “ผมถูกฟันของเขาเจาะทะลุเนื้อที่มือ แต่เขาไม่สามารถงับปากลงมากัดผมได้ถนัด เขาก็ได้แค่ใช้ฟันแถวบนเล่นงานมือผม
เจ้าหมีนักล่าใช้วิธีสลัดหัวจนหลุดพ้นจากมือของมินิช
“ในตอนนั้นเขาประชิดตัวผมได้ พร้อมกับตะปบกดศีรษะของผมไว้ แล้วกัดผมได้เฉี่ยวๆ หนหนึ่ง ต่อด้วยการงับจังๆ ซึ่งทำให้กระดูกของผมทางซีกหน้าด้านขวาหักยับเยินหลายส่วน รวมทั้งในส่วนของกะโหลกศีรษะด้วย แล้วก็บดขยี้ซีกแก้มข้างขวาจนกระดูกกรามหักหลายจุด” มินิชผู้ทรหดเล่าอย่างละเอียด
หลังจากเล่นงานฝ่ายตรงข้ามจนหนำใจ เจ้าหมียอมปล่อยมินิช เขาจึงกลิ้งตัวให้พ้นออกมา พร้อมกับใช้ท่อนแขนป้องกันศีรษะและใบหน้า
ขย้ำจนหนำใจ และชัดเจนว่าชนะ เจ้าหมีร้ายปล่อยมินิชแล้วเดินจากไป (เชื่อเขาเลย!)
เจ้าหมีใจร้ายมิได้ตามขย้ำซ้ำเติมแต่อย่างใด มันแค่เดินจากไปเงียบๆ ง่ายๆ ทั้งนี้ หน่วยทหารดูแลอะแลสกาบอกภายหลังว่า ยังติดตามไม่พบเจ้าหมีร้ายตัวนี้
มินิชคาดว่าเจ้าหมีคงจะคิดว่าปราบเขาสำเร็จแล้ว เขามิได้เป็นภัยคุกคามใดๆ แล้ว และด้วยความที่ยังมีสติสัมปชัญญะเข้มแข็ง เขาทำการประเมินสภาพอาการของตนเอง
“ผมรู้ตัวว่าอาการหนักหนาทีเดียวเพราะเลือดไหลสาดไปทั่ว แล้วก็โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจาก 911” มินิชเล่าอย่างนั้น และบอกว่าระหว่างเล่าเหตุการณ์และรอทีมเจ้าหน้าที่มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล ก็ถอดเสื้อกั๊กกับเสื้อยืดมาพันรอบศีรษะเพื่อจะได้ช่วยห้ามเลือดได้บ้าง (ในกระบวนการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุด่วนเหตุร้าย เจ้าหน้าที่ประสานงานจะไม่ปล่อยให้ขาดการติดต่อ จะคอยสอบถามอาการและสถานการณ์ต่างๆ จนกว่าทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะไปถึงตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ)
จบศึกกับหมีโหด แต่วิบากกรรมไม่จบด้วย ต้องเดินป่าเกือบครึ่งกิโลเมตร เพราะเส้นทางอื่นไม่อำนวย
มินิชรออยู่ 59 นาที โดยระหว่างนั้นมินิชพยายามจะแจ้งพิกัดของตนเองด้วยความยากลำบากเพราะเลือดไหลกลบตา และคอยแต่จะหยดไปบนอุปกรณ์จีพีเอส
“ผมต้องคอยเช็ดเลือดอกจากเครื่องจีพีเอสน่ะครับ” มินิชเล่าอย่างนั้น และบอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยนายหนึ่งเรียกเขาว่าผู้กล้าหาญเมื่อได้เห็นรอยเลือดนองมากมายตามพื้นดิน
วิบากกรรมอันแสนสาหัสของมินิชมิได้จบลงง่ายๆ ทีมกู้ภัยพยายามหามเขาผ่านเขตป่าไปยังถนนเพื่อขึ้นรถฉุกเฉิน ทั้งนี้ จุดที่ตั้งแห่งสมรภูมิหมียักษ์ปะทะหนุ่มทรหดวัย 61 ปี อยู่ประมาณครึ่งไมล์ (ประมาณ 0.8 กิโลเมตร) จากทางหลวงใกล้นิคมกุลแคนาของอะแลสกา แต่วิธีนั้นไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่จึงต้องขอประคองเขาเดินตัดออกมา 0.4 กิโลเมตร ผ่านหนองน้ำ พุ่มไม้ และแนวป่า หลังจากนั้นเป็นการนำส่งไปยังสนามบินใกล้ที่สุด แล้วบินตรงไปยังโรงพยาบาลโปรวิเดนซ์ อะแลสกา เมดิเคิล เซ็นเตอร์ ในเมืองแองเคอเรจ
ขณะนี้อาการของมินิชปลอดภัยดี
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชะตาขาด ถูกหมียักษ์ขย้ำ
เมื่อสมัยหนุ่มฉกรรจ์วัยยี่สิบต้นๆ
อันที่จริง ตลอดสี่สิบกว่าปีที่อยู่ในอะแลสกา มินิชเคยมีประสบการณ์เผชิญหน้ากับหมีหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่ร้ายกาจเท่ากับครั้งนี้ เนื่องจากเขาเป็นเจ้าของธุรกิจสำรวจและวิศวกรรม ซึ่งทำให้ต้องเข้าป่าบ่อยๆ
“ผมสรุปบทเรียนได้อย่างหนึ่งครับ” เขากล่าว “ผมควรจะเอาใครไปด้วย เมื่อมีเหตุไม่คาดคิดก็จะได้ช่วยกัน”
มินิชมีปืนติดไว้ในรถเสมอเวลาที่ออกปฏิบัติงาน แต่ก็จะทิ้งปืนไว้ในรถ และสำหรับวิกฤตเฉียดตายคราวนี้ เขาบอกว่าถึงพกปืนไปด้วยก็ไม่ช่วยอะไร เพราะเจ้าหมีตัวดุนี้พุ่งใส่เขาเร็วจัดมากเกินกว่าจะดึงปืนขึ้นมาป้องกันตัว
ให้ปรัชญาชีวิต จะตายหรือจะรอด ก็ต้องเดินหน้าต่อไป
มินิชพูดติดตลกว่าเขามีรายชื่อคนรู้จัก 6 รายชื่อที่เคยถูกหมีขย้ำในอะแลสกา ตอนนี้เขาต้องเพิ่มชื่อตนเองเข้าไปในลิสต์
“ผมว่าผมโชคดีนะครับ” มินิชกล่าว โดยบอกว่าหลายคนให้กำลังใจเขาที่เขาแค่บาดเจ็บ ไม่ถึงกับเสียชีวิต
“พูดด้วยสัตย์จริงเลยนะครับ ไม่ว่าผลจะออกมาทรงไหน มันก็ไม่สำคัญ ถ้าเขาสังหารผมได้ ผมแค่ตาย ที่ผ่านมาผมมีชีวิตที่น่าพอใจแล้ว หากผมตายก็คือผมก็เดินหน้าเส้นทางใหม่ ในเมื่อเขาไม่ได้สังหารผม ผมก็เดินหน้าต่อโดยพยายามรักษาชีวิตให้ยืนยาวต่อไป” มินิชกล่าวปรัชญาชีวิตทิ้งท้ายอย่างนั้น
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เอพี ซีเอ็นเอ็น สถานีโทรทัศน์ดับเบิลยูซีวีบี ช่อง 5 บอสตัน วิกิมีเดียส์ คอมมอนส์)