สุดฮา! นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นคิดค้นวิธี “หมู” หายใจทางก้น เชื่ออาจใช้ได้กับคนในอนาคต

เอเจนซีส์ – ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยการแพทย์และทันตกรรมญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวล่าสุดได้เปิดเผยการค้นพบที่น่าทึ่งว่า หนูและหมูที่มีอวัยวะภายในคล้ายคลึงกับมนุษย์สามารถนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายผ่านทางทวารหนัก เชื่ออาจถูกนำมาพัฒนาเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์ในอนาคตในกรณีที่ระบบการหายใจล้มเหลว

เอบีซี10 สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวันศุกร์(14 พ.ค)ว่า ผลการศึกษาจากทีมนักวิจัยประจำมหาวิทยาลัยการแพทย์และทันตกรรมญี่ปุ่น TMDU (Tokyo Medical and Dental University) พบว่า สัตว์ประเภทหนูและหมูสามารถนำออกซิเจนเข้าร่างกายผ่านทางทวารหนัก

ผู้นำการศึกษาของทีม ริว โอบาเกะ (Ryo Okabe)กล่าวผ่านแถลงการณ์ทางมหาวิทยาลัย TMDU กล่าวว่า ทวารหนักมีตาข่ายเส้นเลือดอยู่และหมายความหากมีการจ่ายยาหรือสารอื่นๆผ่านทางทวารหนักจะสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ และเขาได้กล่าวอีกว่า ทำให้บรรดานักวิจัยต่างตั้งข้อสงสัยว่าแล้วแบบเดียวกันนี้จะสามารถทำให้ออกซิเจนผ่านเข้าสู่กระแสเลือดได้ด้วยหรือไม่

ทั้งนี้มีสัตว์เป็นจำนวนมากที่ดูดซึมออกซิเจนและปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาที่ปอด แต่ทว่ามีสัตว์บางพวกมีวิวัฒนาการถึงขั้นสามารถรับออกซิเจนทางลำไส้ส่วนท้าย (hindgut) ใกล้ทวารหนักซึ่งกระบวนการนี้ถูกเรียกว่า กระบวนการถ่ายเทอากาศในลำไส้ผ่านรูทวาร (Enteral Ventilation via anus หรือ EVA)

ในการทดลองพวกเขาได้ส่งออกซิเจนเหลวผ่านเข้าทางทวารหนักของสัตว์ทดลองส่งผลให้ระดับออกซิเจนของสัตว์เหล่านี้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากนี้ยังพบว่า ระดับออกซิเจนเพิ่มขึ้นที่ระดับเซลล์และออกซิเจนเหลว (oxygenated perfluorodecalin) ที่ถูกดูดซึมเข้าไปนั้นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

ผู้นำร่วมในการวิจัย ทาคาโนริ ทาคาเบะ (Takanori Takebe)กล่าวถึงประโยชน์จากการศึกษาที่จะสามารถถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยได้ในอนาคตว่า “ผู้ป่วยที่มีปัญหาวิกฤตทางด้านระบบหายใจสามารถได้ออกซิเจนจากวิธีนี้เพื่อลดผลกระทบจากการที่ร่างกายขาดออกซิเจนขณะที่อาการป่วยกำลังอยู่ในระหว่างการรักษา”

อย่างไรก็ตามทางมหาวิทยาลัย TMDU แถลงว่ายังคงต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่ม รวมไปถึงการศึกษาระดับคลินิกในมนุษย์เกี่ยวกับการส่งออกซิเจนผ่านเข้าทางทวารหนักนี้ที่ถือเป็นการช่วยหายใจแบบทางเลือก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคโควิด-19ที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อพยุงร่างกายระหว่างการรักษา

เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเพิ่มเติมว่า ทาคาเบะชี้ว่า แนวทางการวิจัยของพวกเขามุ่งเจาะจงไปยังกลุ่มผู้ป่วยอาการหนักที่มีปัญหาระบบการหายใจล้มเหลว ซึ่งทางทีมใช้การทดลองกับหนู 11 ตัวกลุ่มแรกที่ไม่มีการให้เครื่องช่วยหายใจภายใต้ระดับออกซิเจนที่ต่ำมากและหนูเสียชีวิตลงในเวลา 11 นาที เปรียบเทียบกับหนูทดลองกลุ่มที่ 2 ที่ให้เครื่องช่วยหายใจทางทวารหนัก(intestinal gas ventilation) นักวิจัยพบว่าระดับออกซิเจนเพิ่มขึ้นที่หัวใจ และจำนวน 3 ใน 4 ของหนูทดลองนั้นสามารถอยู่รอดได้เป็นเวลา 50 นาทีในระดับออกซิเจนที่ต่ำมาก

และสำหรับการทดสอบในหมูที่เป็นสัตว์ใหญ่ พบว่าระดับออกซิเจนเพิ่มเมื่อให้ออกซิเจนผ่านทางทวารหนักลดสภาพผิวซีดและเย็นได้โดยที่ไม่แสดงผลข้างเคียงอื่นที่ปรากฎชัด

คาเลบ เคลลี (Caleb Kelly) ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยเยลชื่อดังของสหรัฐฯได้แสดงความเห็นว่า เป็นแนวคิดที่ก้าวหน้าและเป็นการวิจัยที่น่าตื่นเต้น แต่อย่างไรขณะที่ตามบทบาททางการวิจัยทางคลินิกวิทยาเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาและข้อมูลการวิจัยที่เสนอโดยทางทีมถูกตรวจสอบ การให้เครื่องช่วยหายใจทางลำไส้ ( enteral ventilation) ผ่านทางทวารหนักนั้นถือเป็นหนทางการรักษาที่น่าจับตาและสมควรที่จะได้รับความสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์