คำเตือน มีภาพสะเทือนใจ พบศพลอยเกลื่อนแม่น้ำคงคาคาดตายจากไวรัส อินเดียเตือนหมอเฝ้าระวังโรคเชื้อราสีดำในผู้ป่วยโควิด

วิกฤตโรคโควิดระบาดหนักในอินเดียยังไม่มีวี่แววสงบ จำนวนเคสใหม่รายวันเฉลี่ยในรอบ 7 วันพุ่งทำสถิติสูงสุดของโลก หนำซ้ำรัฐบาลยังออกคำเตือนให้แพทย์เฝ้าสังเกตอาการติดเชื้อราสีดำในผู้ป่วยที่อาจมีอันตรายถึงตาย โดยเฉพาะเคสที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ พบศพหลายสิบศพในแม่น้ำคงคา เชื่อเป็นเหยื่อไวรัสโคโรนาที่ถูกทิ้งเพราะญาติไม่มีเงินจ่ายค่าฟืนหรือไม่ก็เตาเผาล้น

ในวันอังคาร (11 พ.ค.) กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานว่ารอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 329,942 คน และผู้เสียชีวิต 3,876 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 22.99 ล้านคน และเสียชีวิตสะสม 249,992 คน

จากข้อมูลของสำนักข่าวรอยเตอร์ อินเดียเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเฉลี่ยสูงที่สุดในโลก โดยจำนวนเคสใหม่รายวันในรอบ 7 วันที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 390,995 คน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิดคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดรวมทั่วโลกในแต่ละวัน

องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเมื่อวันจันทร์ (10) ว่า ยกระดับไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอินเดียเมื่อปลายปีที่แล้ว จากสายพันธุ์ที่ต้องสนใจระมัดระวังในระดับโลก มาเป็นเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลในระดับโลก โดยที่มีงานศึกษาเบื้องต้นบางฉบับพบว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้นกว่าสายพันธุ์หลักมาก

วิกฤตโควิดในอินเดียระลอกปัจจุบัน กำลังทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ศพล้นฌาปนสถานและสุสาน

เมื่อวันจันทร์ มีรายงานพบศพอย่างน้อย 45 ศพที่เชื่อว่า เป็นเหยื่อโควิด ลอยติดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาในเขตบูซาร์ใกล้พรมแดนระหว่างรัฐพิหารกับรัฐอุตตรประเทศ ซึ่งเป็นสองรัฐที่ยากจนที่สุดในอินเดีย

ขณะสื่อบางสำนักรายงานว่า จำนวนศพอาจสูงถึง 100 ศพ

รายงานข่าวที่อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยังระบุว่า บางศพขึ้นอืด บางส่วนไหม้ และอาจอยู่ในแม่น้ำมาแล้วหลายวัน

ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ศพเหล่านั้นน่าจะถูกทิ้งลงแม่น้ำเนื่องจากสถานที่เผาศพล้นหรือญาติไม่มีเงินซื้อฟืนเผาศพ

รายงานข่าวนี้บ่งชี้ว่า โควิดแพร่จากเมืองใหญ่ไปถึงพื้นที่ชนบทที่ขาดแคลนโรงพยาบาลและระบบจัดเก็บข้อมูลด้อยประสิทธิภาพแล้ว

ขณะเดียวกัน รัฐบาลอินเดียได้แจ้งให้แพทย์สังเกตอาการที่บ่งชี้ภาวะการติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิสหรือ “เชื้อราสีดำ” ในผู้ป่วยโควิด หลังได้รับรายงานจากโรงพยาบาลหลายแห่งว่า พบผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อนี้ที่พบได้ยากแต่อันตรายถึงตายจำนวนมากขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

โรคนี้ที่อาจทำให้จมูกเปลี่ยนเป็นสีดำ ตาพร่าหรือมองเห็นภาพซ้อน เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก และไอเป็นเลือด มีความเชื่อมโยงชัดเจนกับโรคเบาหวาน ขณะที่อาการของโรคเบาหวานอาจรุนแรงขึ้นจากการใช้ยาสเตียรอยด์ประเภทเดกซาเมธาโซนที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดที่มีอาการหนัก

อาตุล ปาเทล ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและสมาชิกทีมเฉพาะกิจโควิด-19 ของรัฐคุชราต เผยว่า พบเคสติดโรคเชื้อราสีดำในผู้ป่วยโควิดที่รักษาหายแล้วเกือบ 4-5 เท่าของจำนวนที่พบในช่วงก่อนโควิดระบาด

ขณะที่รัฐมหาราษฏระทางตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งนครมุมไบ ฮับการเงินของอินเดีย พบผู้ติดโรคเชื้อราสีดำถึง 300 คน เท่ากับที่พบใน 4 เมืองของรัฐคุชราต

มาเลเซียประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ

สถานการณ์โควิดในมาเลเซียยังคงรุนแรงเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันจันทร์ รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งใหม่มีผลบังคับไปจนถึงวันที่ 7 มิถุนายน เพื่อรับมือการระบาดระลอก 3

มาตรการนี้ออกมาก่อนที่มาเลเซียกำลังจะเข้าสู่เทศกาลอิด อัล-ฟิตร์ของชาวมุสลิมในกลางสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ประชาชนนับล้านๆ ต้องยกเลิกแผนการเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อร่วมฉลองการสิ้นสุดประเพณีถือศีลอดในเดือนรอมฎอนเป็นปีที่ 2

นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน ประกาศห้ามการเดินทางระหว่างรัฐและระหว่างเขตทั้งหมด รวมถึงการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคมต่างๆ นอกจากนั้นยังสั่งปิดโรงเรียน แต่อนุญาตให้ภาคเศรษฐกิจดำเนินการตามปกติ

ทั้งนี้มาเลเซียพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เฉพาะวันจันทร์พบเคสใหม่ 3,807 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 444,484 คน และเสียชีวิต 1,700 คน

(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี, บีบีซี)