เอเจนซีส์ - อินเดียพบผู้เสียชีวิตเกิน 4,000 คน เป็นวันที่สองติดต่อกัน ในวันอาทิตย์ (9 พ.ค.) ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังทะลุ 400,000 คน วิกฤตโควิดแดนภารตะยังทำให้เพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศพลอยเสี่ยงไปด้วย เพราะนอกจากจะพบไวรัสสายพันธุ์อินเดียเป็นครั้งแรกแล้ว ยังขาดแคลนวัคซีนจากมาตรการแบนการส่งออกของอินเดีย
ในวันอาทิตย์ กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้าที่ 4,092 คน รวมยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 242,362 คน และผู้ติดเชื้อรายใหม่ 403,738 คน เป็น 22.3 ล้านคน
จากการขาดแคลนออกซิเจน เตียงคนป่วย ขณะที่เมรุและฌาปนสถานแทบไม่ได้หยุดพัก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ตัวเลขจริงของผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 น่าจะสูงกว่าที่มีการรายงานหลายเท่า
หลายรัฐบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ตลอดเดือนที่แล้ว ขณะที่รัฐอื่นๆ ประกาศจำกัดการเดินทาง ปิดโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ผับ และห้างสรรพสินค้า และมีเสียงเรียกร้องดังขึ้นให้นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเหมือนช่วงที่โควิดระบาดระลอกแรกเมื่อปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน โครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่มแผ่วลงนับจากที่เริ่มฉีดให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ต้นเดือนนี้ หลายรัฐเผยว่า ได้รับวัคซีนเพียงจำกัด
จากที่เคยเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนถึงวันละ 3.5 ล้านโดสโดยเฉลี่ยช่วงที่ไวรัสระบาดรุนแรงต้นเดือนเมษายน ทว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนการฉีดวัคซีนเฉลี่ยเหลือวันละ 1.3 ล้านโดสเท่านั้น
บรามาร์ มุกเฮอร์จี นักชีวสถิติของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ติดตามสถานการณ์การระบาดในอินเดีย ตั้งข้อสังเกตว่า ระหว่างวันที่ 3 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม จำนวนการฉีดวัคซีนเฉลี่ยต่อวันลดลง 38% สวนทางกับเคสใหม่ที่เพิ่มขึ้น 3 เท่า และผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้น 6 เท่า
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 พ.ค.) อินเดียพบผู้เสียชีวิตสูงสุดทำสถิติใหม่ที่ 4,187 คน สถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพประเมินว่า ยอดผู้เสียชีวิตในประเทศนี้จะแตะหลัก 1 ล้านคนภายในเดือนสิงหาคม
วิกฤตไวรัสของอินเดียยังส่งกระทบต่อบังกลาเทศที่ขณะนี้เริ่มตรวจพบไวรัสกลายพันธุ์ ซ้ำยังเผชิญปัญหาขาดแคลนวัคซีน
เจ้าหน้าที่บังกลาเทศรายงานเมื่อวันเสาร์ว่า พบไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดียครั้งแรกแต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้พบการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้ สร้างความกังวลมากขึ้นเนื่องจากไวรัสกลายพันธุ์ทั้งสองสายพันธุ์สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดิม อีกทั้งยังอาจต้านทานวัคซีนได้มากกว่า
ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนการติดเชื้อในบังกลาเทศลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดือนมีนาคมและต้นเดือนเมษายน ซึ่งเซ็นจูติ ซาฮา นักวิจัยของมูลนิธิวิจัยสุขภาพเด็กในบังกลาเทศ ชี้ว่า นี่เป็นเวลาที่ควรเร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อประคองสถิติการติดเชื้อให้ต่ำต่อไปและป้องกันการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธ์ใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดในอินเดียทำให้รัฐบาลแดนภารตะห้ามการส่งออกวัคซีน และถึงตอนนี้สถาบันเซรัมแห่งอินเดียจัดส่งวัคซีนให้บังกลาเทศเพียง 7 ล้านโดสและระงับการจัดส่งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จากที่ตกลงว่า จะจัดหาให้ 30 ล้านโดสภายในเดือนมิถุนายน หรือเดือนละ 5 ล้านโดส
นายแพทย์มุสตาฟิซูร์ เราะห์มาน นักวิจัยของศูนย์เพื่อการวิจัยโรคท้องร่วงระหว่างประเทศในกรุงธากา ชี้ว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากคือภัยคุกคามจากไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ประเทศขาดแคลนวัคซีน
แม้มีการปิดพรมแดนส่วนที่ติดกับอินเดีย แต่ยังมีการขนส่งสินค้าข้ามแดน ขณะที่บังกลาเทศมีความสามารถในการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมไวรัสไม่เพียงพอ เท่ากับว่า เป็นไปได้ที่ไวรัสสายพันธุ์อินเดียจะเข้าไปแพร่เชื้อให้เกิดการระบาดระลอกใหม่
บังกลาเทศขยายมาตรการล็อกดาวน์จนถึงวันที่ 16 เดือนนี้เป็นอย่างน้อย ทว่า ธุรกิจ ตลาด และการเดินทางขนส่งในท้องถิ่นยังคงคึกคัก และแม้ห้ามการเดินทางข้ามเมือง แต่คาดว่า ประชาชนนับหมื่นจะเดินทางออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเกิดเพื่อฉลองเทศกาลอิด อัล-ฟิตร์ของชาวมุสลิมในสัปดาห์นี้
ปัจจุบัน บังกลาเทศมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 770,842 คน และเสียชีวิต 11,833 คน