เอพี - เปียงยางเตือนวอชิงตันเจอ “สถานการณ์ร้ายแรงมาก” จาก “ความผิดพลาดครั้งใหญ่” ของไบเดนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ตีตราเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงซ้ำประกาศเจตนารมณ์คงนโยบายเป็นปฏิปักษ์
ระหว่างการปราศรัยต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่า โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและอิหร่านเป็น “ภัยคุกคามร้ายแรง” ต่อความมั่นคงของอเมริกาและโลก และสำทับว่า อเมริกาจะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อรับมือภัยคุกคามเหล่านี้ผ่านนโยบายการทูตและการป้องปรามอย่างแข็งกร้าว
ควอน จอง-กุน เจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ แถลงในวันอาทิตย์ (2 พ.ค.) ว่าคำปราศรัยของไบเดนบ่งชี้เจตนารมณ์ชัดเจนว่า ต้องการคงนโยบายเป็นปฏิปักษ์ต่อเปียงยางเหมือนตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา และถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่บีบให้เกาหลีเหนือจำเป็นต้องตอบโต้ ซึ่งจะทำให้อเมริกาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายมาก
ควอนไม่ได้ระบุว่า เกาหลีเหนือจะดำเนินมาตรการใด และแถลงการณ์นี้ถูกมองว่า เป็นความพยายามกดดันขณะที่คณะบริหารของไบเดนกำลังกำหนดนโยบายต่อเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ (30 เม.ย.) เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า เจ้าหน้าที่คณะบริหารเสร็จสิ้นการทบทวนนโยบายต่อเกาหลีเหนือแล้ว ซึ่งจะผสมผสานระหว่าง “การต่อรองครั้งใหญ่” แบบอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับแนวทาง “การอดทนเชิงยุทธศาสตร์” แบบอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ภายหลังการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธหลายระลอกในปี 2016-2017 คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือหันมาใช้นโยบายการทูตด้วยการประชุมสุดยอดกับทรัมป์เกี่ยวกับแผนการเพิ่มคลังแสงนิวเคลียร์ในอนาคต ทว่า แนวทางดังกล่าวชะงักงันนาน 2 ปีจากความขัดแย้งเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการแซงก์ชันต่อเปียงยางเพื่อแลกเปลี่ยนกับขั้นตอนการปลดอาวุธนิวเคลียร์แบบจำกัด
เดือนมกราคม คิมขู่ขยายคลังแสงนิวเคลียร์และสร้างอาวุธไฮเทคเพิ่มโดยเล็งเป้าหมายแผ่นดินอเมริกา พร้อมระบุว่า อนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างกันขึ้นอยู่กับวอชิงตันว่า จะยอมละทิ้งนโยบายเป็นปฏิปักษ์หรือไม่ ต่อมาในเดือนมีนาคม เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี
ลีฟ-อิริก อีสลีย์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอีฮวาในโซล ชี้ว่า ถ้าเปียงยางตกลงหารือระดับคณะทำงาน จุดเริ่มต้นการเจรจาจะเป็นการระงับการทดสอบและติดตั้งศักยภาพและระบบการปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ แต่หากคิมเลือกการทดสอบอาวุธเพื่อยั่วยุ มีแนวโน้มว่า วอชิงตันจะเพิ่มมาตรการแซงก์ชันและการร่วมซ้อมรบกับชาติพันธมิตร
นอกจากนี้ในวันอาทิตย์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือที่ไม่ระบุชื่อยังประกาศตอบโต้อย่างแข็งกร้าวต่อแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ที่ระบุว่า จะผลักดันให้ระบอบของคิม “รับผิดชอบ” ต่อ “สถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่เลวร้าย” ในเกาหลีเหนือ โดยเจ้าหน้าที่เปียงยางชี้ว่า แถลงการณ์ดังกล่าวสะท้อนชัดเจนว่า อเมริกาต้องการเผชิญหน้า
คิม โย-จอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของคิม ยังประณามเกาหลีใต้เรื่องใบปลิวต่อต้านเปียงยางที่ลอยข้ามพรมแดนเข้าสู่เกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นการยั่วยุและเกาหลีเหนือจะพิจารณามาตรการตอบโต้ต่อไป
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว พัค ซัง-ฮัก ผู้นำกลุ่มชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์อยู่ในเกาหลีใต้ ท้าทายกฎหมายใหม่ของเกาหลีใต้ ด้วยการปล่อยบอลลูนขึ้นโปรยใบปลิวดังกล่าว 500,000 ใบ
น้องสาวผู้นำคิมกล่าวหารัฐบาลเกาหลีใต้แอบให้ท้ายพวกโปรยใบปลิว ขณะที่กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้แถลงยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่า โซลคัดค้านการกระทำใดๆ ที่ทำให้เกิดความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีและจะพยายามปรับความสัมพันธ์กับเปียงยาง
อีสลีย์ปิดท้ายว่า คำแถลงของควอนและคิม โย-จองแสดงให้เห็นว่า เปียงยางกำลังเสี้ยมให้เกาหลีใต้และอเมริกาผิดใจกันก่อนการประชุมสุดยอดระหว่างไบเดนกับประธานาธิบดีมุน แจ-อินในวันที่ 21 เดือนนี้