ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ มีคำสั่งห้ามผู้เดินทางจากอินเดียที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันเข้าประเทศ เพื่อป้องกันการนำเข้าเชื้อโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักในแดนภารตะ
ทำเนียบขาวแถลงว่า มาตรการดังกล่าวซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่ 12.01 น. ตามเขตเวลาตะวันออก (ET) ของวันที่ 4 พ.ค. เป็นไปตามคำแนะนำของสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) และถือว่ามีความจำเป็น เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในอินเดียกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ประกาศที่ ไบเดน ลงนามวานนี้ (30) ระบุว่า อินเดีย “มีจำนวนผู้ติดเชื้อเกินกว่า 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลก” ด้วยเหตุนี้สหรัฐฯ จึง “จำเป็นต้องมีมาตรการปกป้องสุขภาพของคนในประเทศไม่ให้ได้รับความเสี่ยงจากผู้เดินทางที่มาจากอินเดีย”
เมื่อเดือน ม.ค. ไบเดน ก็ได้สั่งแบนผู้เดินทางส่วนใหญ่จากแอฟริกาใต้ที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังฟื้นคำสั่งแบนผู้เดินทางต่างชาติเกือบทั้งหมดจากบราซิล, สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์ และ 26 ประเทศในยุโรปที่อนุญาตให้มีการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างเสรี รวมไปถึงผู้เดินทางจากจีนและอิหร่านด้วย
นโยบายนี้ส่งผลให้ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เคยไปเยือนกลุ่มประเทศดังกล่าวภายในระยะเวลา 14 วันไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาได้ ยกเว้นเฉพาะผู้พำนักถาวรในสหรัฐฯ และครอบครัว รวมถึงชาวต่างชาติบางกลุ่ม เช่น นักเรียนนักศึกษา เป็นต้น
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ขณะที่สถานทูตอินเดียประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้
อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่เกิน 300,000 คนต่อเนื่องมานานถึง 9 วัน โดยเฉพาะในวันศุกร์ (30) ที่ยอดผู้ป่วยรายวันพุ่งทุบสถิติใหม่ 386,452 คน ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในตอนนี้ก็เกินหลัก 200,000 คนไปแล้ว
ตั้งแต่เดือน ก.พ. เป็นต้นมา อินเดียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 8 ล้านคน โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเป็นผลมาจากไวรัสกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาดได้ง่าย ประกอบกับมีกิจกรรม “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” หลายอย่าง เช่น การหาเสียงเลือกตั้ง และการประกอบพิธีกรรมในเทศกาลสำคัญของชาวฮินดู
เวลานี้มีกว่า 20 ประเทศทั่วโลกที่ใช้มาตรการแบนคนเดินทางจากอินเดีย เช่น สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, อิตาลี, สิงคโปร์, แคนาดา, ฮ่องกง, นิวซีแลนด์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ฝรั่งเศส รวมถึงไทย
ที่มา: รอยเตอร์