เอพี - กองทัพเรือสหรัฐฯ เผย เรือลาดตระเวนอเมริกันถูกเรือของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านแล่นเข้าประชิดจนต้องยิงเตือนระหว่างปฏิบัติภารกิจในน่านน้ำสากลของอ่าวเปอร์เซียเมื่อต้นสัปดาห์
เมื่อวันอังคาร (27 เม.ย.) กองทัพเรือสหรัฐฯ เผยแพร่คลิปที่เป็นภาพขาวดำของเหตุการณ์การเผชิญหน้าที่เกิดขึ้นในน่านน้ำสากลด้านเหนือของอ่าวเปอร์เซียเมื่อคืนวันจันทร์ (26 เม.ย.) ในคลิปมองเห็นแสงจากระยะไกลและได้ยินเสียงคล้ายเสียงปืน
กองทัพเรือสหรัฐฯ แถลงว่า เรือยูเอสเอส ไฟร์โบลต์ยิงเตือนหลายนัด หลังจากเรือเร็วโจมตี 3 ลำของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านแล่นประชิดเรือยูเอสซีจีซี ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ในระยะ 62 เมตร
นาวาโทหญิง รีเบ็กกา รีบาริช โฆษกกองเรือที่ 5 ประจำตะวันออกกลาง แถลงว่า ลูกเรือพยายามเตือนด้วยวิทยุสื่อสารและลำโพงที่ติดตั้งไมโครโฟนและเครื่องขยายเสียงในตัว แต่เรือของอิหร่านยังคงแล่นเข้าประชิด กระทั่งลูกเรือไฟร์โบลต์ต้องยิงเตือน เรือเหล่านั้นจึงเคลื่อนออกไปอยู่ในระยะห่างที่ปลอดภัย
รีบาริชยังเรียกร้องให้กองกำลังของอิหร่านปฏิบัติภารกิจโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเรือลำอื่นๆ ทุกลำตามที่กฎหมายระหว่างประเทศกำหนด
โฆษกกองเรือที่ 5 ประจำตะวันออกกลางสำทับว่า กองกำลังของกองทัพเรือสหรัฐฯ ยังคงระมัดระวัง และได้รับการฝึกฝนให้ปฏิบัติภารกิจอย่างมืออาชีพ ขณะที่นายทหารระดับผู้บัญชาการมีสิทธิ์ในการดำเนินการเพื่อปกป้องตนเอง ส่วนทางด้านอิหร่านไม่ได้ออกมายืนยันเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ถือเป็นครั้งที่สองในเดือนนี้ที่กองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวหากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านดำเนินการอย่างไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ หลังจากการเผชิญหน้าตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ภาพในคลิปที่กองทัพเรือสหรัฐฯ นำออกเผยแพร่เมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นเรือลำหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติแล่นตัดหน้าเรือยูเอสซีจีซี โมโนมอย ทำให้เรือของหน่วยยามฝั่งอเมริกาต้องหยุดกะทันหันและมีควันพวยพุ่งจากเครื่องยนต์เมื่อวันที่ 2 เดือนนี้
กองกำลังของอิหร่านยังทำแบบเดียวกันนี้กับเรืออีกลำของหน่วยยามฝั่งอเมริกา คือ ยูเอสซีจีซี แรงเกิล โดยเข้าประชิดจนเสี่ยงที่จะชนกัน
รีบาริช แถลงเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นกรณีที่ “ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ” ครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านนับตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2020 อย่างไรก็ตาม เตหะรานละเว้นจากพฤติกรรมดังกล่าวอย่างชัดเจนในปี 2018 และเกือบหยุดโดยสิ้นเชิงในปี 2019
ทั้งนี้ ในปี 2017 กองทัพเรือสหรัฐฯ บันทึกเหตุการณ์การเผชิญหน้าที่ “ไม่ปลอดภัยและ/หรือไม่เป็นมืออาชีพ” กับกองกำลังอิหร่านได้ 14 ครั้ง, 35 ครั้งในปี 2016 และ 23 ครั้งในปี 2015
การเผชิญหน้าในทะเลเกือบทุกครั้งมักเกี่ยวข้องกับกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติซึ่งขึ้นตรงต่ออะยาตอลเลาะห์ อาลี คามาเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วจะเกี่ยวข้องกับเรือเร็วติดปืนกลบนดาดฟ้า อุปกรณ์ยิงจรวด และอาวุธทดสอบการยิง หรือการตามประกบเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริการะหว่างแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ
นักวิเคราะห์เชื่อว่า เหตุการณ์เหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามกดดันคณะบริหารของประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี ภายหลังทำข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ในปี 2016 ที่กองกำลังอิหร่านควบคุมตัวทหารเรืออเมริกัน 10 นายที่บุกรุกน่านน้ำอิหร่านไว้ตลอดคืน
สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นขณะที่เตหะรานกำลังเจรจากับชาติมหาอำนาจในเวียนนาเรื่องที่อิหร่านและอเมริกาจะกลับสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 นอกจากนั้นยังเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์มากมายในตะวันออกกลางที่สะท้อนสงครามเงาระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ซึ่งรวมถึงการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในภูมิภาคและการก่อวินาศกรรมต่อโรงงานนิวเคลียร์ในเมืองนาทานซ์ของอิหร่าน