ทายาทบริษัทในเครือซัมซุง กรุ๊ป ออกมาประกาศแผนจ่ายภาษีมรดกกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 300,000 ล้านบาท และเตรียมที่จะบริจาคของสะสมที่เป็นงานศิลปะล้ำค่าอีกหลายชิ้น อาจจะถือได้ว่าเป็นการเสียภาษีมรดกที่แพงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก
ลี คุน ฮี (Lee Kun-hee) อดีตประธานซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดของเกาหลีใต้ เสียชีวิตลงเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้วขณะมีอายุได้ 78 ปี พร้อมกับทิ้งมรดกมหาศาลมูลค่าราว 19,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไว้ให้แก่ภรรยาและบุตรทั้งสามซึ่งเป็นทายาท
เกาหลีใต้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการเก็บภาษีมรดกสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก การจากไปของอดีตประธาน ลี จึงทิ้งภาระในการจ่ายภาษีก้อนโตไว้กับบรรดาทายาท ซึ่งรวมถึง ลี แจยอง (Lee Jae-yong) รองประธานซัมซุง ซึ่งเวลานี้ถูกจำคุกในข้อหาจ่ายสินบน, ยักยอกทรัพย์ และความผิดอื่นๆ
ล่าสุด ซัมซุงได้ออกคำแถลงวันนี้ (28) ว่า ตระกูล ลี “คาดว่าจะต้องชำระภาษีมรดกเป็นเงินกว่า 12 ล้านล้านวอน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินทั้งหมดที่อดีตประธานบริษัทผู้ล่วงลับได้ทิ้งไว้”
“ภาษีมรดกครั้งนี้ถือว่ามีมูลค่ามากที่สุดครั้งหนึ่ง ทั้งสำหรับเกาหลีใต้และทั่วโลก”
ครอบครัว ลี จะแบ่งชำระภาษีเป็น 6 งวด โดยจะเริ่มจ่ายงวดแรกในเดือนนี้
ทรัพย์สินที่ประธาน ลี ทิ้งไว้มีทั้งหุ้นในบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์, ซัมซุง ไลฟ์ และ ซัมซุง ซีแอนด์ที ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ และโบราณวัตถุและงานศิลปะอีกจำนวนมากที่น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2-3 ล้านล้านวอน
ซัมซุงแถลงว่า ของสะสมในคอลเล็คชันของ ลี ประมาณ 23,000 ชิ้นจะถูกนำไปบริจาค รวมถึงโบราณวัตถุที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติ 14 ชิ้น ซึ่งจะถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกาหลี และในส่วนของภาพวาดฝีมือจิตรกรดังอย่าง มาร์ก ชากาล, ปาโบล ปิกัสโซ, ปอล โกแก็ง, โคลด โมเนต์, ฌูอัน มิโร และ ซัลบาโด ดาลี ก็จะถูกนำไปบริจาคให้แก่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งชาติ (National Museum of Modern and Contemporary Art)
รายงานระบุว่า การบริจาคงานศิลปะเหล่านี้จะช่วยลดวงเงินภาษีที่ทางครอบครัว ลี จะต้องจ่ายลงได้ด้วย
ครอบครัว ลี ยังมีแผนบริจาคเงิน 1 ล้านล้านวอนเพื่อสนับสนุนกิจการด้านสาธารณสุข โดยครึ่งหนึ่งจะถูกนำไปสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคติดเชื้อแห่งแรกของเกาหลีใต้
ซัมซุง ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกถือเป็นกลุ่มธุรกิจในครอบครัวหรือ “แชโบล” ที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และมีอิทธิพลอย่างสูงต่อสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยรายได้ของซัมซุงนั้นคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของแดนโสมขาว
ลี แจยอง บุตรชายคนโตของอดีตประธานลี ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปีครึ่งเมื่อเดือน ม.ค. โดยเป็นความผิดที่เชื่อมโยงกับคดีทุจริตที่ทำให้อดีตประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ต้องร่วงจากอำนาจเมื่อปี 2017 และเวลานี้เขายังถูกดำเนินคดีฐานปั่นหุ้นและฉ้อโกงจากการควบรวม 2 บริษัทลูก ซึ่งนักวิจารณ์หลายคนชี้ว่าเป็นกระบวนการเพื่อให้การถ่ายโอนอำนาจเป็นไปอย่างราบรื่น
เดือน พ.ค.ปีที่แล้ว ลี แจยอง ได้ออกมาแถลงขออภัยต่อสังคมที่กลุ่มบริษัท ซัมซุง ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและธำรงไว้ซึ่งจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ทั้งยังประกาศด้วยว่าจะไม่มอบอำนาจบริหารกิจการให้แก่บุตร-ธิดาของตนเอง
(ที่มา : เอเอฟพี)