เอเจนซีส์ – ขณะเส้นตายการจ่ายภาษีมรดกของตระกูลซัมซุงใกล้เข้ามาที่จะหมดเขตในสิ้นเดือนนี้ ลี คุน ฮี เจ้าของอาณาจักรทิ้งมรดกมหาศาลให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังด้วยหุ้นมูลค่า 11 ล้านล้านวอน รวมถึงงานศิลปะเลอค่าและอสังหาริมทรัพย์ แต่ทายาทมรดกซัมซุง รวมถึง ลี แจ-ยอง ต้องเจอกับภาษีมรดกเกาหลีใต้สูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์
เอเชียนิเคอิ สื่อญี่ปุ่น รายงานเมื่อวันนี้ (27 เม.ย) ว่า ขณะที่อดีตเจ้าของอาณาจักรซัมซุง ลี คุน ฮี (Lee Kun-hee) เสียชีวิตในตุลาคมปีที่ผ่านมาเมื่ออายุ 78 ปี พบว่าเขาได้ทิ้งมรดกมหาศาลไว้ให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่เป็นทายาทได้แก่ คู่สมรสภรรยาม่าย ฮอง รา-ฮี (Hong Ra-hee)และบุตรทั้งสามรวมไปถึง ทายาทซัมซุง ลี แจ-ยอง ที่เชื่อกันว่าอาจต้องรับภาระภาษีมรดกภาษีเกาหลีใต้สูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ลัอ้างอิงจากสื่อโคเรียไทม์ส์ กำหนดเส้นตายการจ่ายนั้นเกิดขึ้นในวันสิ้นเดือนเมษายนนี้
มรดกที่ทิ้งไว้ได้แก่หุ้นมูลค่า 11 ล้านล้านวอน (9.87 พันล้านดอลลาร์) งานศิลปะล้ำค่าที่อดีตเจ้าของอาณาจักรซัมซุงผู้ที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่ชื่นชอบและสะสมงานศิลปะตัวยงและยังเป็นผู้สนับสนุนศิลปินที่มีชื่อเสียงรวมถึง Paik Nam-june โคเรียไทม์สชี้ว่า ลี คุน-ฮี สะสมงานศิลปะไว้ถึง 13,000 ชิ้น ตั้งแต่งานศิลปะยุคเกาหลีโบราณไปจนถึงงานศิลปะร่วมสมัย
ซึ่งทั้งหมดยังรวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์รวมถึงคฤหาสถ์ 2 หลังในย่านใจกลางกรุงโซลมูลค่า 4.08 หมื่นล้านวอน และ 3.42 หมื่นล้านวอน และสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ชื่อดังมูลค่ามากกว่า 2.5 ล้านล้านวอน
ตามข้อกำหนดแล้ว ภรรยาม่ายซัมซุงจะได้รับส่วนแบ่ง 1 ใน 3 ของทั้งหมด ขณะที่บุตร 3 คนแต่ละคนจะได้รับคนละ 2 ใน 9 ของทั้งหมด แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตระกูลซัมซุงอาจตกลงยอมที่จะให้ลี แจ-ยอง ที่รู้จักในนาม “ทายาทซัมซุง” ได้ส่วนแบ่งมากที่สุด ซึ่งจะทำให้การยินยอมนั้นอยู่เหนือข้อกำหนดทางกฎหมายและถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินอนาคตการควบคุมอาณาจักรซัมซุงต่อไป
ซึ่งมีการคาดว่าตระกูลซัมซุงจะประกาศในเรื่องนี้ก่อนวันศุกร์ (30) โดยทางบริษัทซัมซุงเปิดเผยกับทางเอเชียนิเคอิว่าจะไม่ออกแถลงการณ์ทางการเกี่ยวกับปัญหามรดกของตระกูลลี และตัวลี แจ-ยองจำเป็นต้องจ่ายภาษีมรดกอย่างต่ำ 1 ล้านล้านวอนภายในสิ้นเดือนหากว่าเขาได้รับส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด
ทั้งนี้นักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า ทายาทซัมซุงคงไม่เลือกที่จะขายหุ้นทิ้งออกไปเพราะจะมีปัญหาต่ออำนาจการควบคุมของเขาโดยในเวลานี้ซัมซุงมีบริษัทในเครือทั้งหมดจำนวน 59 บริษัทด้วยกัน แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ทายาทซัมซุงอาจเลือกหนทางด้วยการกู้ยืมแทนโดยพิจารณาไปถึงอัตราดอกเบี้ยในเวลานี้ รวมไปถึงอัตราการจ่ายปันผล