ประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกีประกาศมาตรการ “ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ” ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 29 เม.ย. ไปจนถึง 17 พ.ค. เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในตุรกียังคงพุ่งสูงถึงวันละกว่า 3 หมื่นคน
จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในตุรกีเพิ่มขึ้น 37,312 รายในรอบ 24 ชั่วโมง และเสียชีวิตเพิ่ม 353 รายเมื่อวันจันทร์ (26) ตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแม้จะลดลงจากเมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย. แต่ยังคงสูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก และหากเทียบต่อหัวประชากรก็ถือว่ามากที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ
ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มข้น ผู้ที่จะเดินทางข้ามระหว่างเมืองจะต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และมีการปิดสถานศึกษาทุกแห่ง โดยให้จัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์แทน ส่วนขนส่งสาธารณะก็จะจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการอย่างเข้มงวด
รัฐบาลยังกำหนดให้ประชาชนเก็บตัวอยู่แต่ในที่พักอาศัย เว้นแต่มีเหตุจำเป็นต้องออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้หรือรับบริการทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน โดยกลุ่มอาชีพที่มีความจำเป็นยิ่งยวด เช่น หน่วยกู้ชีพฉุกเฉิน รวมถึงพนักงานในภาคการผลิตและอาหาร จะได้รับการยกเว้น
ข้อกำหนดเหล่านี้จะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่เวลา 16.00 GMT ของวันที่ 29 เม.ย. ไปจนถึงเวลา 2.00 GMT ของวันที่ 17 พ.ค.
“เวลานี้ยุโรปกำลังเข้าสู่โหมดเปิดประเทศ เราจำเป็นที่จะต้องลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันให้ต่ำกว่า 5,000 คน เพื่อให้ก้าวทันเพื่อนบ้าน ไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบรุนแรงต่อหลายภาคส่วน ตั้งแต่การท่องเที่ยว, การค้า เรื่อยไปจนถึงการศึกษา” แอร์โดอัน ระบุ พร้อมสำทับว่ามาตรการล็อกดาวน์ “จะถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมาย”
2 สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลตุรกีเริ่มประกาศเคอร์ฟิวระหว่างเวลา 19.00 น. จนถึง 5.00 น. ของวันธรรมดา และล็อกดาวน์เต็มขั้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ทว่ามาตรการเหล่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลงมาอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในตุรกีเคยพุ่งสูงสุดถึง 63,000 คนเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ก่อนจะลดลงมาอยู่ที่ราวๆ 39,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ (25)
เวลานี้ตุรกีมีผู้ติดเชื้อสะสม 4.66 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งหมด 84 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้วทั้งสิ้น 38,711 คน
ที่มา: รอยเตอร์
