อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุวานนี้ (25 เม.ย.) ว่าสหภาพยุโรปมีแผนที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งถือเป็นการปรับนโยบายครั้งใหญ่ของอียูหลังจากที่อัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นทั่วโลก
“เท่าที่ดิฉันทราบ ชาวอเมริกันได้รับวัคซีนที่สำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) ให้การรับรอง ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถเดินทางและท่องเที่ยวในสหภาพยุโรปได้อย่างเสรี” ฟอน เดอร์ เลเยน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส
“อย่างหนึ่งที่แน่นอนก็คือ รัฐสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศจะยอมรับโดยปราศจากเงื่อนไข หากผู้เดินทางนั้นได้รับวัคซีนที่ผ่านการรับรองจาก EMA แล้ว”
แม้จะไม่ได้ให้กรอบเวลาที่ชัดเจน แต่นิวยอร์กไทม์สคาดว่าการเปิดพรมแดนยุโรปให้กับชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนน่าจะเกิดขึ้นในฤดูร้อนปีนี้
ปัจจุบันมีวัคซีนของผู้ผลิต 3 รายที่ใช้งานในสหรัฐอเมริกาและผ่านการรับรองจาก EMA ได้แก่ วัคซีนโมเดอร์นา, ไฟเซอร์ และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว บวกกับความคืบหน้าในการเจรจาเรื่องการใช้ใบรับรองการฉีดวัคซีน เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อียูพิจารณาเปิดรับนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ
ฟอน เดอร์ เลเยน ชี้ว่า โครงการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ “ก้าวหน้าไปอย่างมาก” และคาดว่าจะฉีดวัคซีนให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่ได้ถึงร้อยละ 70 ภายในกลางเดือน มิ.ย.
แม้การเปิดรับนักท่องเที่ยวจะต้องอิงกับสถานการณ์โรคระบาดเป็นหลัก แต่ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปชี้ว่าสถานการณ์ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งเธอเองก็หวังว่าสหภาพยุโรปคงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายประเทศใช้มาตรการปิดพรมแดนและห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น ซึ่งส่งผลให้การท่องเที่ยวในยุโรปได้รับผลกระทบอย่างหนัก
สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลกรีซได้อนุญาตให้ผู้เดินทางจากอียูและอีก 5 ประเทศที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว หรือมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ สามารถเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว เพื่อฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และในขณะเดียวกันก็เร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชากรของตนเอง
ที่มา: เอเอฟพี