รอยเตอร์ – จีนสั่งปรับอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง 18,000 ล้านหยวน (2,750 ล้านดอลลาร์) สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับกรณีการผูกขาดตลาดทั่วโลก หลังจากตรวจสอบพบว่า ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซแห่งนี้ใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรมมานานกว่า 5 ปี นักวิเคราะห์ชี้สิ่งที่ตลาดสนใจคือ ผลลัพธ์สุดท้ายจากการปรับโครงสร้างแอนต์ กรุ๊ป
การสั่งปรับครั้งนี้ซึ่งเท่ากับ 4% ของรายได้ภายในประเทศของอาลีบาบาโดยประมาณ เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (10 เม.ย.) ขณะที่กลุ่มกิจการเทคโนโลยีถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด และบ่งชี้ว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายป้องกันการผูกขาดบนแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตของจีนได้เข้าสู่ยุคใหม่หลังจากเริ่มต้นแนวทางเศรษฐกิจเสรีนิยมเมื่อหลายปีมาแล้ว
อาณาจักรธุรกิจของอาลีบาบาถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นในจีนนับจากที่แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง วิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของทางการอย่างเผ็ดร้อนและเปิดเผยในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
เดือนต่อมา ทางการจีนสั่งระงับแผนระดมทุนต่อสาธารณชนครั้งแรก (ไอพีโอ) มูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์ของแอนต์ กรุ๊ป บริษัทการเงินออนไลน์ของอาลีบาบา ซึ่งจะถือเป็นการทำไอพีโอมูลค่าสูงที่สุดในโลก และสำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐ (เอสเอเอ็มอาร์) ประกาศตรวจสอบอาลีบาบากรณีผูกขาดตลาดในเดือนธันวาคม
แม้การสั่งปรับครั้งนี้ทำให้อาลีบาบาเข้าใกล้การแก้ไขปัญหาการผูกขาดไปอีกก้าว แต่สำหรับแอนต์ยังต้องทำข้อตกลงกับทางการซึ่งคาดว่า จะทำให้มูลค่าของบริษัทลดฮวบและถูกควบคุมธุรกิจบางอย่าง
เอสเอเอ็มอาร์แถลงว่า อาลีบาบาที่จดทะเบียนในตลาดนิวยอร์กและฮ่องกง ใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรมมาตั้งแต่ปี 2015 ด้วยการกีดกันไม่ให้ผู้ค้าใช้แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซของบริษัทอื่น ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดของจีน เนื่องจากทำให้สินค้าไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างเสรี อีกทั้งยังละเมิดผลประโยชน์ทางธุรกิจของผู้ค้า
นอกจากสั่งปรับ ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับคดีผูกขาดตลาดทั่วโลกแล้ว ผู้คุมกฎจีนยังสั่งให้อาลีบาบาดำเนินการแก้ไขการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องทั้งหมดเพื่อยกระดับการกำกับดูแลภายในและปกป้องสิทธิของผู้บริโภค
ด้านอาลีบาบาแถลงว่า ยอมรับการลงโทษและจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด และจะจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับบทลงโทษนี้ในวันจันทร์ (12 เม.ย.)
ค่าปรับที่อาลีบาบาต้องจ่ายมีมูลค่าเกินสองเท่าจากที่จีนเคยสั่งปรับควอลคอมม์ ซัปพลายเออร์ชิปสำหรับโทรศัพท์มือถือใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2015 จากการต่อต้านการแข่งขันจำนวน 975 ล้านดอลลาร์
หลุยส์ เซี้ยะ กรรมการผู้จัดการเวลธ์ตี้ ซีเคียวริตี้ส์ในฮ่องกง ชี้ว่า การสั่งปรับอาลีบาบาจะเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบสำหรับการลงโทษบริษัทอื่นๆ
การลงโทษอาลีบาบายังเกิดขึ้นขณะที่ผู้คุมกฎทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอเมริกาและยุโรป กำลังไล่ตรวจสอบกรณีละเมิดการผูกขาดกับยักษ์ใหญ่ไฮเทคมากมาย อาทิ กูเกิลของอัลฟาเบต และเฟซบุ๊ก
นอกจากนั้น การสั่งปรับอาลีบาบาซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ยังเท่ากับว่า ปักกิ่งกำลังขู่จัดการ “เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม” และควบคุมบริษัทขนาดใหญ่ต่างๆ ที่มีบทบาทครอบงำในภาคการบริโภคของจีน
ฟรานซิส หลุน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) จีโอ ซีเคียวริตี้ส์ในฮ่องกง มองว่า สิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อจากนี้จะสร้างความเสียหายให้ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตรายอื่นๆ ของจีน ซึ่งเติบโตอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่รัฐบาลเอาหูไปนาเอาตาไปไร่และปล่อยให้บริษัทเหล่านั้นต่อต้านการแข่งขัน ซึ่งนับจากนี้ต่อไปจะไม่สามารถทำได้อีก
รอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า บรรดาบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีนพากันว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการกำกับดูแล รวมทั้งกันเงินไว้สำหรับแนวโน้มการถูกสั่งปรับ ขณะที่ผู้คุมกฎไล่ตรวจสอบกรณีผูกขาดตลาดและละเมิดความเป็นส่วนตัว
สื่อของทางการจีนชมเชยการลงโทษอาลีบาบาว่า จะเป็นตัวอย่างและกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมต่อต้านการผูกขาด และความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เวียม มาลัน นักวิเคราะห์ของโพรพิเชียส รีเสิร์ชในเคปทาวน์ เชื่อว่า การสั่งปรับอาลีบาบาเป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของปักกิ่ง และสำหรับอาลีบาบานั้น ตลาดเชื่อว่า บริษัทสามารถจ่ายค่าปรับจำนวนดังกล่าวได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผลลัพธ์สุดท้ายจากการปรับโครงสร้างแอนต์ กรุ๊ป ซึ่งยังไร้ความแน่นอนอย่างมากในขณะนี้