xs
xsm
sm
md
lg

‘ฮันเตอร์ ไบเดน’ ลูกพ่อ ‘โจ’ ยอมรับนามสกุลเปิดทางธุรกิจ แต่ยันไม่มีทุจริต เจ้าตัวเขียนใน “Beautiful Things”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ฮันเตอร์ ไบเดน ผู้ชายที่มีภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบด้วยชาติตระกูลความเป็นลูกนักการเมืองแถวหน้าของสหรัฐอเมริกา ด้วยการศึกษาและการงานในด้านกฎหมายและนักธุรกิจผู้เชี่ยวชาญด้านวาณิชธนกิจ และด้วยหน้าตาฉลาดมุ่งมั่น สุขุมดูดี ตลอดจนร่างกายสูงสง่าน่าเชื่อถือ เขาได้เปิดเผยชีวิตส่วนตัวในด้านมืดอย่างละเอียดลออ ทั้งติดเหล้า มัวเมาเสพยา และบ้าคลั่งหมกมุ่นกับเซ็กส์ สร้างความผิดหวังให้แก่คุณพ่อโจ ไบเดน ครั้งแล้วครั้งเล่า  เรื่องราวเหล่านี้ถูกเจ้าตัวนำมาจดจารึกไว้ในหนังสือ เรื่อง Beautiful Things: A Memoir หรือสรรพสิ่งอันงดงาม: บันทึกความทรงจำ ในภาพนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ชมการแข่งขันบาสเกตบอลมหาวิทยาลัย พร้อมรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน และบุตรชายฮันเตอร์ ไบเดน ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กรุงชิงตัน ดี.ซี. เมื่อ 30 มกราคม 2010
ในช่วงหนึ่งปีกว่าแห่งศึกขับเคี่ยวชิงตำแหน่งประธานาธิบดี (2020) ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ (ประธานาธิบดีในขณะนั้น) กับโจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมแครต ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรคนที่สองของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตกเป็นเป้าโจมตีในประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งตัวฮันเตอร์ชี้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ และพันธมิตร มุ่งโจมตีตน เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคุณพ่อโจ ไบเดน คู่ชิงเก้าอี้ประมุขแห่งสหรัฐอเมริกา

บัดนี้ ฮันเตอร์ได้นำรายละเอียดของบรรดาประเด็นโจมตีในทางการเมืองและข้อกล่าวหาเชิงทุจริตเหล่านั้นมาเขียนอธิบายอย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นประหนึ่งการจารึกข้อมูลหลักฐานประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ในหนังสือบันทึกความทรงจำชื่อไพเราะว่า Beautiful Things: A Memoir

หนังสือที่เขียนโดยฮันเตอร์ ไบเดน ในชื่อเรื่องไพเราะว่า Beautiful Things: A Memoir หรือ สรรพสิ่งอันงดงาม: บันทึกความทรงจำ วางตลาดทั่วสหรัฐฯ เมื่อ 6 เมษายน 2021
ฮันเตอร์แจงละเอียด ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในยูเครนและจีน

ขณะที่บรรยากาศของการเล่าเรื่องเต็มไปด้วยฉากเศร้าของตระกูลไบเดน ตั้งแต่การที่ตนเองได้สร้างความเสียใจผิดหวังให้แก่คุณพ่อ ด้วยปัญหาพิษสุราเรื้อรัง การใช้ยาเสพติด และการมัวเมาในอิสตรีซึ่งลามสู่เรื่องอื้อฉาวมากมาย ไปจนถึงโศกนาฏกรรมหนักๆ การเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่คุณแม่และน้องสาวต้องประสบ คุณพ่อล้มป่วยครึ่งปีด้วยโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง และพี่ชายซึ่งสนิทกันมากต้องเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมอง นั้น

ฮันเตอร์ได้บันทึกถึงปัญหาที่ผุดขึ้นจากความสำเร็จในอาชีพการงาน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าการมีนามสกุลเดียวกันกับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วยเปิดทางให้แก่ธุรกิจการงาน ขณะเดียวกัน การงานเหล่านั้นส่งผลกระทบรุนแรงต่อตนเองและคุณพ่อโจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าสู่ธุรกิจในจีน และการตัดสินใจรับตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารบริษัทโฮลดิ้งคอมปานีรายใหญ่ นามว่า บูริสมา (Burisma) ซึ่งมีธุรกิจอยู่ในวงการน้ำมันและก๊าซในประเทศยูเครน การงานเหล่านั้นกลายเป็นเป้าให้ทรัมป์โจมตีเพลินมือ จนถึงขนาดที่ว่าทรัมป์ไปขอให้ประธานาธิบดียูเครนช่วยหาจุดอ่อนที่จะนำมาเล่นงานพ่อลูกไบเดนให้คว่ำ และหมดอนาคตทางการเมือง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประชุมทวิภาคีกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ ซาเลนสกีแห่งยูเครน เมื่อ 25 กันยายน 2019 ในนครนิวยอร์ก
เข้าร่วมโฮลดิ้งคอมปานี นาม บูริสมา (Burisma) ในยูเครน หวังจะมีเวลาส่วนตัวมาดูแลพี่ชายที่ป่วย

“ฮันเตอร์อยู่ไหน ผมอยู่ตรงนี้ครับ ผมได้เผชิญและผ่านพ้นเรื่องย่ำแย่” ฮันเตอร์เขียนในบันทึกความทรงจำ

“ผมได้รู้จักกับความสำเร็จที่สูงที่สุดและความล่มสลายขั้นต่ำสุดแล้ว ... ผมมาจากครอบครัวซึ่งถูกพัฒนาสายสัมพันธ์ด้วยโศกนาฏกรรม และถูกร้อยรัดเข้าหากันด้วยความรักที่ไม่มีใครจะทำลายได้ ผมอยู่ตรงนี้ ผมไม่ไปไหนหรอกครับ”

ฮันเตอร์เขียนถึงพี่ชายคนเดียวของตน คือ โบ ไบเดน ว่ามีส่วนในการผลักดันให้ตัดสินใจรับข้อเสนอตำแหน่งกรรมการของบริษัทบูริสมาแห่งวงการพลังงานของยูเครนในปี 2014

(นับจากที่คุณแม่แท้ๆ และน้องสาวของฮันเตอร์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเสียชีวิตในเดือนธันวาคม 1972 โดยฮันเตอร์ในวัยเพียง 2 ขวบ 10 เดือน กับพี่โบที่โตกว่ากันหนึ่งปี ก็อยู่ในรถด้วยและบาดเจ็บรุนแรง สองพี่น้องเสียขวัญหนักหนาพอๆ กับคุณพ่อโจ ทั้งสามหนุ่มประคองกันและกันผ่านวิกฤติชีวิตใหญ่หลวง สายใยผูกพันระหว่างฮันเตอร์กับพี่โบจึงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง)

เด็กชายฮันเตอร์ และพี่โบในโมงยามแห่งความสุขและสมบูรณ์กับคุณพ่อโจเซฟ ไบเดน และคุณแม่นีเลีย ฮันเตอร์ ไบเดน ก่อนที่คุณแม่นีเลียจะประสบอุบัติเหตุจากลูกน้อยทั้งสองไปสู่อ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้า
“ผมอยากจะให้ชัดเจนกันตรงนี้ว่า ปัญหาสุขภาพของโบไม่ได้กระตุ้นให้ผมทำสิ่งที่ไม่อยากจะทำ เรื่องเงินนั้นมีส่วนอยู่ แต่ผมก็สามารถคิดอ่านหาทางทำเงินจากช่องทางอื่นได้” ฮันเตอร์ ไบเดนอธิบายไว้ในหนังสือ และบอกด้วยว่า “ผมไม่ได้จนตรอก งานที่บูริสมาช่วยให้ผมสามารถปลีกตัวออกจากการทำงานหนักมากเพื่อช่วยลูกค้าทำรายได้ ... และยังให้ผมมีเวลามากขึ้นมาดูแลโบ”

(ฮันเตอร์เป็นนักกฎหมายที่เฟื่องฟูอยู่ในธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจล็อบบี้ยิสต์ Lobbyist ซึ่งต้องดูแลช่วยเหลือลูกค้าด้วยคำปรึกษาแนะนำที่ทรงคุณค่าในการระดมทุนและการทำกำไรในตลาดทุน ตลอดจนการเห็นโอกาสจากการซื้อขายกิจการและการควบรวมธุรกิจ การที่คุณพ่อโจเป็นวุฒิสมาชิกที่มีบทบาทสูง ส่งผลดีหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีเครือข่ายที่กว้างขวาง และการเข้าถึงบุคคลที่ให้คุณให้โทษได้ ตลอดจนการได้เห็นสัญญาณบ่งบอกความเปลี่ยนแปลงก่อนคนอื่น อย่างไรก็ตาม ภารกิจในหน้าที่การงานเหล่านื้ถือว่าหนักหนาและห้ามพลาด เพื่อผลดีในการรักษาลูกค้าและขยายฐานลูกค้าใหม่)

“ผมไม่ได้จะบอกว่าผมจะไม่ตอบรับข้อเสนอตำแหน่งงานของบูริสมาถ้าโบไม่ได้ป่วยหนัก แต่เรื่องเงินก็มีส่วนด้วย”

เรียกข้อโจมตีจากทรัมป์ว่านิทานการเมือง โต้กลับ ลูกๆ ทรัมป์ตัวดี ฟันหลายล้านในจีน-รัสเซีย

ฮันเตอร์เขียนถึงประเด็นอื้อฉาวที่เขาเคยตอบโต้ทรัมป์ผ่านการให้สัมภาษณ์แก่สื่อต่างๆ ทั้งนี้ ฮันเตอร์โต้ตอบเอาจริงกับข้อกล่าวหาในเรื่องธุรกิจที่ยูเครนและจีน โดยเรียกคำป้ายสีเหล่านั้นว่าเป็น “นิทานการเมือง” และ “ความคิดเพ้อเจ้อ” ที่มุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของคุณพ่อโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีผู้มีประวัติทางการเมืองสะอาดโปร่งใส

ฮันเตอร์ยืนยันว่าสิ่งที่เขาพลาดมีประการเดียว คือ เขามิได้ทันคาดคิดว่าการเข้าสู่ธุรกิจในยูเครนและจีน จะกลายเป็นช่องทางให้ทรัมป์หยิบมาโจมตีเป็นวรรคเป็นเวร โดยมีลูกขุนพลอยพยักร่วมกันถล่ม ได้แก่ รูดี้ จูลีอานี ทนายความส่วนตัวของทรัมป์ และบรรดาแวดวงเหล่าโจรของจูลีอานี ฮันเตอร์เขียนอย่างนั้น

พร้อมกันนี้ ฮันเตอร์โต้ตอบฝากไปถึงทรัมป์ว่าครอบครัวของทรัมป์นั้นแลตัวดี ตอนนี้ยังไม่พ้นออกจากการถูกไต่สวนกรณีใช้ทำเนียบขาวเป็นฐานเพื่อขยายแบรนด์ธุรกิจ

อิวองกา ทรัมป์ ธิดาของประธานาธิบดีทรัมป์ และสามี คือ จาเรด คูชเนอร์ เข้าร่วมฟังการประชุมคณะรัฐมนตรีชุดรัฐบาลทรัมป์ ปี 2018 ที่ทำเนียบขาว
“ผมกลายเป็นตัวรองรับความกลัวของทรัมป์ว่าจะไม่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งต่อ” ฮันเตอร์เขียน “ทรัมป์ปั้นแต่งข้อกล่าวหาต่างๆ ขึ้นมาเล่นงานผมในเรื่องงานที่ผมทำในยูเครนและจีน ทั้งที่ลูกๆ ของเขาเอง หาเงินเข้ากระเป๋าได้หลายล้านในจีนกับรัสเซีย และอดีตผู้จัดการแคมเปญเลือกตั้งของเขาก็ต้องโทษจำคุกด้วยข้อหาฟอกเงินหลายล้านที่ได้จากยูเครน”

ทั้งนี้ ฮันเตอร์หมายถึงพอล มานาฟอร์ต อดีตประธานคณะผู้รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของทรัมปื ซึ่งถูกตัดสินจำคุกเมื่อปี 2018 ข้อหาฉ้อโกงภาษีสืบเนื่องจากการทำธุรกิจในช่วงก่อนที่จะมาช่วยทรัมป์หาเสียงเลือกตั้งปี 2016 และเมื่อใกล้จะหมดวาระ ทรัมป์ออกคำสั่งให้อภัยโทษแก่มานาฟอร์ต

ยอมรับ นามสกุล ‘ไบเดน’ ช่วยเปิดทางธุรกิจ

นอกจากการโจมตีต่างๆ จากทรัมป์ ฮันเตอร์ยังต้องเผชิญกับหน่วยตรวจสอบของภาครัฐว่า บุตรชายของอดีตรองประธานาธิบดีผู้มีบทบาทโดดเด่นด้านกิจการต่างประเทศ มีผลประโยชน์ทับซ้อนในยูเครนและจีนหรือไม่

ฮันเตอร์ ไบเดน ยอมรับในหนังสือบันทึกความทรงจำว่านามสกุล ‘ไบเดน’ อันเป็นบารมีจากคุณพ่อ ช่วยเปิดทางธุรกิจ  แต่ก็ยืนยันว่าคุณสมบัติและความสามารถส่วนตัวคือปัจจัยความสำเร็จในอาชีพการงานทั้งปวง  ในภาพนี้ ฮันเตอร์นั่งอยู่กับดร.จิล ไบเดน คุณแม่เลี้ยงที่ดูแลเขาตั้งแต่ยังเล็ก ขณะฟังคุณพ่อโจ ไบเดน ปราศรัยหาเสียง
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่านามสกุลของผมช่วยเปิดทางให้ แต่คุณสมบัติและผลงานทั้งปวงของผมเป็นปัจจัยความสำเร็จในการงานที่เข้าไปเกี่ยวข้อง” ฮันเตอร์หมายถึงความรู้ความเชี่ยวชาญทางธุรกิจของตนในด้านวาณิชธนกิจ

แต่ฮันเตอร์ก็บอกด้วยว่า “มีบ้างที่ผลงานของผมอยู่ในพื้นที่ที่พ่อมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง ในเมื่อพ่อดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีนานถึง 8 ปี เรื่องแบบนี้ เลี่ยงไม่ได้”

นอกจากนั้น ฮันเตอร์เขียนว่าบูริสมาถือว่านามสกุลไบเดนเป็น “ทอง” ที่ทรงคุณค่า การได้ฮีนเตอร์ ไบเดนมาร่วมในคณะกรรมการบริษัทเป็นการเย้ยหยันประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียพร้อมกับโต้กลับไปยังทรัมป์ว่า “ผมไม่เหมือนเอริก ทรัมป์ หรือโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ (ที่ใช้ความเป็นคนในครอบครัวทรัมป์ไปแสวงประโยชน์ให้แก่บิดา)ผมทำงานให้คนอื่นที่ไม่ใช่พ่อผม ผมพุ่งขึ้นสูงและตกต่ำลงเพราะตนเองล้วนๆ”

ถูกตรวจสอบในประเด็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจต่างแดน

ประเด็นที่บริษัทของฮันเตอร์ถูกหน่วยงานของรัฐบาลกลางในรัฐเดลาแวร์ตรวจสอบคือ ประเด็นภาษี โดยมีการตรวจสอบดีลธุรกิจต่างๆ ที่ฮันเตอร์มีอยู่ในประเทศจีนซึ่งฮันเตอร์เปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชนในเดือนธันวาคม 2020 หลังจากที่ปัญหาว่าด้วยผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสรุปจบแน่นอนว่าโจ ไบเดนเป็นผู้ชนะและคว้าเก้าอี้ประมุขสูงสุดของสหรัฐฯ ไปได้

บันทึกความทรงจำของฮันเตอร์เกี่ยวกับกรณีจีนมีประเด็นครบถ้วนเท่าที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในโอกาสต่างๆ โดยเริ่มจากติดตามคุณพ่อโจไปกับทริปเยือนจีนอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2013ในการเดินทางไปจีนในครั้งนี้ฮันเตอร์ได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวาณิชธนกิจไปช่วยบริษัทด้านกองทุนรวมตราสารทุน (กองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น – Equity Fund)ซึ่งอยู่ระหว่างจัดตั้งกิจการในตลาดการเงินของจีน

“เรื่องมีเท่านั้นครับ” ฮันเตอร์เขียนใน Beautiful Things พร้อมกับเขียนเล่าว่าตนเข้าไปซื้อหุ้น10% เป็นเงิน 420,000 ดอลลาร์ ในบริษัทกองทุนรวมแห่งนี้ ในปี 2017ซึ่งตอนนั้นคุณพ่อโจเป็นประชาชนธรรมดาแล้ว

รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน และฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชาย พร้อมฟินเนแกน ไบเดน ธิดาของฮันเตอร์ เข้าร่วมพิธีชงชา ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ระหว่างที่รองประธานาธิบดีเยือนจีนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2013
ทรัมป์ลุกลามมาเล่นงานประเด็นชีวิตส่วนตัว แต่ "พ่อโจ" บอกประชาชนว่า ภูมิใจที่ลูกเลิกขาดยาเสพติด

ความพยายามของทรัมป์และพันธมิตรในอันที่จะโจมตีฮันเตอร์ ดำเนินไปไม่หยุดหย่อน ทั้งประเด็นธุรกิจของฮันเตอร์ ลุกลามไปถึงประเด็นชีวิตส่วนตัวในเรื่องที่ฮันเตอร์ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในเดือนมิถุนายน 2019 เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ว่าตนก้าวพ้นออกจากปัญหาเรื้อรังในโลกด้านมืดทั้งการต่อสู้กับพิษสุราเรื้อรังและการติดยาเสพติดได้อย่างไร

ในที่สุด ในแมตช์ประชันวิสัยทัศน์ระหว่างคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่รัฐเทนเนสซี วันที่ 22  ตุลาคม 2020 ทรัมป์นำอดีตของฮันเตอร์ที่เคยติดยาเสพติดอย่างหนักมาฟาดฟันโจ ไบเดน แต่คุณพ่อโจโต้กลับได้อย่างจับใจท่านผู้ชมทั่วประเทศด้วยถ้อยคำจากหัวใจของคนเป็นพ่อ และกลายเป็นเหตุการณ์ที่กลับมาสร้างคะแนนให้แก่โจ ไบเดน

ฮันเตอร์จดบันทึกความทรงจำถึงดราม่านี้ไว้ใน Beautiful Things โดยเขียนเป็นจดหมายถึงพี่โบในสวรรค์ว่า

“พ่อโต้กลับไปอย่างมีชั้นเชิงและจับใจ พ่อไม่สนใจทรัมป์ พ่อมองตรงไปที่กล้องและพูดกับผู้คนที่ชมการถ่ายทอดสด บอกว่า ลูกชายของผมก็เหมือนคนมากมายที่คุณรู้จักที่บ้าน เขาเคยมีปัญหายาเสพติด เขาเอาชนะมันได้ เขาแก้ปัญหานี้ลุล่วง ผมภูมิใจในตัวเขา ผมภูมิใจในลูกชายของผม”

“ถ้อยคำเหล่านั้นของพ่อ ไม่แต่เพียงล้างพิษคำโจมตีของทรัมป์ หากยังมอบความสบายใจและความหวังแก่คนอเมริกันหลายล้านคน” ฮันเตอร์เขียนอย่างนั้น และบอกด้วยว่า “ผมเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และพี่ก็คงรู้สึกเช่นกัน”

โจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์โต้กันในแมตช์ประชันวิสัยทัศน์ระหว่างคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ความพยายามอันไร้ผลที่ทรัมป์และพวกใช้เล่นงานฮันเตอร์เพื่อทำลายภาพลักษณ์ของคุณพ่อโจ บ่งบอกว่าทรัมป์หาจุดจับผิดคุณพ่อคุณลูกไบเดนไม่สำเร็จ เพราะหากมีการกระทำผิดใดๆ เกิดขึ้นจริง อำนาจมหาศาลระดับประธานาธิบดีของทรัมป์ จะต้องพาให้ทรัมป์ไปพบเจอประเด็นเด็ดที่จะคว่ำคู่ต่อสู้ของตนเข้าจนได้

พลิกปูมกรณียูเครนและข้อกล่าวหาว่าด้วยการใช้คอนเน็กชั่นพ่อโจไปแสวงผลประโยชน์ในจีน

หลังจากที่ทรัมป์ใช้ความพยายามมากมายไปควานหาจุดอ่อนของฮันเตอร์ ไบเดน เพื่อใช้ทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่งในศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ทรัมป์พบประเด็นเด่นๆ เพียง 2-3 เรื่อง คือ กรณีธุรกิจในยูเครนและจีน ซึ่งไม่ถึงกับดุเดือด หรือเอาผิดได้อยู่มือ

บีบีซีเสนอรายงานข่าวเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2019 โดยสรุปได้ดังนี้

           ข้อโจมตีที่ 1: ฮันเตอร์ ไบเดน ตกลงที่จะนำนักธุรกิจยูเครนเข้าพบรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ซึ่งผิดจรรยาบรรณ

ในระหว่างที่การขับเคี่ยวในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังร้อนแรง จูลีอานีไปบอกสื่อมวนเจ้าดังของสหรัฐฯ คือ นิวยอร์กโพสต์ ว่ามีการพบข้อมูลอีเมล์ของฮันเตอร์ที่ส่อถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อีเมล์นี้เก็บอยู่ที่ฮาร์ดดิสก์ในคอมพิวเตอร์แลปทอปของฮันเตอร์ ซึ่งจูลีอานี บอกว่าฮันเตอร์ทิ้งเครื่องไว้ให้ร้านในเดลาแวร์ทำการซ่อมเมื่อเมษายน 2019 (ในช่วงเดือนนี้ โจ ไบเดนประกาศแล้วว่าจะสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีประจำปีเลือกตั้ง 2020)

อีเมล์ต้องสงสัยดังกล่าวเป็นอีเมล์ที่ฮันเตอร์ได้รับจากแวดัม ปอซาร์สกี ที่ปรึกษาบริษัทบูริสมา ในเดือนเมษายน 2015 เพื่อขอบคุณที่เชิญเขาเข้าพบรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน

นิวยอร์กโพสต์ตีข่าวเรื่องนี้สู่สาธารณชน แต่ไม่ได้นำเสนอหลักฐานว่ามีการเข้าพบเกิดขึ้นจริง

โจ ไบเดน รักลูกและยืดหยัดเคียงข้างลูกในการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แต่ก็มีกฎเหล็กกับลูกว่าจะไม่มีการนำเรื่องธุรกิจมาคุย เพื่อรักษามาตรฐานทำงานการเมืองอย่างสะอาดโปร่งใส
ด้านจูลีอานีถึงกับเดินทางไปกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ในเดือนธันวาคม 2019 เพื่อขุดคุ้ยค้นหาเรื่องไม่ถูกต้องที่ตระกูลไบเดนอาจจะก่อไว้ในยูเครน แต่ความพยายามดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ

บีบีซีรายงานข่าวว่าการสอบสวนระบุว่าไม่อาจสรุปได้ว่าอีเมล์นี้เป็นของจริง และผลการสอบสวนพิสูจน์ข้อกล่าวหานี้ ไม่พบกิจกรรมเชิงอาชญากรรมใดๆ และไม่ปรากฏหลักฐานว่ารองประธานาธิบดีไบเดนได้กระทำสิ่งใดที่จงใจให้ผลประโยชน์แก่บุตรชาย

           ฮันเตอร์ไม่เคยรับหรือปฏิเสธเรื่องแลปทอปเจ้าปัญหา แต่ประเด็นนี้เกือบจะอื้อฉาวขึ้นอีก

ในส่วนของแลปทอปเจ้าปัญหาที่มือขวาของทรัมป์ คือ จูลีอานี อ้างว่าเป็นของฮันเตอร์นั้น ฮันเตอร์ยังไม่เคยออกปากยอมรับหรือปฏิเสธในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการบันทึกเทปคำสัมภาษณ์แก่โทรทัศน์ซีบีเอส รายการ CBS Sunday Morning With Jane Pauley ออกอากาศวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา คำพูดของฮันเตอร์ต่อคำถามของพิธีกรสาว เทรซี่  สมิธที่ออกมาในท่าทีเชิงรุกมากด้วยชั้นเชิงนักข่าวมืออาชีพ ภายในบรรยากาศโต้ตอบยันไปมาระหว่างกันแบบระรัวสุดๆ นานเกือบครึ่งนาที ถูกนำไปตีความตีข่าวว่าฮันเตอร์ยอมรับว่าแลปทอปที่จูลีอานีใช้อ้างอิงข้อกล่าวหากรณียูเครนนั้น “อาจจะ” เป็นของตน

เมื่อทบทวนถ้อยคำแต่ละประโยคแล้ว คงต้องบอกว่าการตีความตีข่าวเช่นนั้น มีนัยยะที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะในที่สุดแล้ว ฮันเตอร์ยืนยันว่าตนมิได้นำแลปทอปไปทิ้งไว้ให้ร้านในเดลาแวร์ทำการซ่อมแซมให้

           ถอดเทปโทรทัศน์ช่วงที่ฮันเตอร์โต้มันส์ดุเดือดกับนักข่าวซีบีเอส

เทรซี สมิธ: แลปทอปนั่นเป็นของคุณหรือไม่

ฮันเตอร์ ไบเดน: จริงๆ นะ ผมไม่ทราบ

เทรซี สมิธs: ดิฉันรู้ค่ะ แต่คุณทราบว่านั่น... นี่ไม่ใช่...

ฮันเตอร์ ไบเดน: ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าจะตอบอะไร นี่เป็นคำตอบที่สัตย์จริง

เทรซี สมิธ: โอเคค่ะ คุณไม่ทราบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่’ ว่าแลปทอปเป็นของคุณ

ฮันเตอร์ ไบเดน: ผมไม่ทราบ - ผมไม่ทราบว่า...

เทรซี สมิธ: ดังนั้น มันอาจจะเป็นของคุณก็ได้ใช่ไหม

ฮันเตอร์ ไบเดน: แน่ล่ะ เป็นไปได้ อาจจะมีแลปทอปที่ขโมยไปจากผมไปปรากฏอยู่ที่ใดที่หนึ่ง อาจเป็นได้ว่าผมถูกแฮกข้อมูล อาจเป็นได้ว่ามันเป็นข่าวกรองของรัสเซีย มันอาจเป็นได้ว่ามีคนขโมยแลปทอปนั่นไปจากผม

เทรซี สมิธ: คุณไม่ได้นำแลปทอปไปทิ้งไว้ให้ช่างซ่อมที่เดลาแวร์ใช่ไหม

ฮันเตอร์ ไบเดน: ไม่ครับ ไม่ เท่าที่จำได้คือไม่มีเลย

ฮันเตอร์ขณะบันทึกเทปสัมภาษณ์ที่ให้แก่โทรทัศน์ซีบีเอส รายการ CBS Sunday Morning With Jane Pauley ออกอากาศวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา โดยสนทนากับพิธีกรสาว เทรซี่ สมิธ
          ข้อโจมตีที่ 2: ฮันเตอร์ ไบเดนมีผลประโยชน์ทับซ้อน 2 ประเด็นจากธุรกิจในจีน

ในส่วนแรก เป็นประเด็นการดำเนินงานของฮันเตอร์ในเชิงที่ปรึกษา โดยนิวยอร์กโพสต์ได้อ้างถึงอีเมล์ของฮันเตอร์ที่เขียนในเดือนสิงหาคม 2017 อีเมล์นี้บ่งชี้ว่าเขาได้รับค่าตอบแทนปีละ 10 ล้านดอลลาร์จากมหาเศรษฐีพันล้านชาวจีนสำหรับการแนะนำตัวให้ได้รู้จักกับบุคคลสำคัญ แต่นิวยอร์กโพสต์ไม่ได้ระบุว่ามีใครบ้าง

ในส่วนที่สอง เป็นการกล่าวหาว่า ฮันเตอร์ได้รับผลประโยชน์เป็นหุ้น 10% ในบริษัทกองทุนรวมตราสารทุน (กองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น – Equity Fund) สัญชาติจีน นาม BHR Partners โดยฮันเตอร์ถือหุ้นแทนผู้ใหญ่รายหนึ่ง

ภูมิหลังของเรื่อง
นี้มีอยู่ว่า ฮันเตอร์สนใจจะทำวาณิชธนกิจในจีน เช่น การช่วยให้บริษัทธุรกิจจีนลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ และในเดือนธันวาคม 2013 ฮันเตอร์ติดตามคุณพ่อโจ ไปยังปักกิ่ง โดยรองประธานาธิบดีโจ ไบเดินมีภารกิจเยือนญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ อย่างเป็นทางการรวม 6 วัน ส่วนฮันเตอร์ได้พบปะพูดคุยกับมหาเศรษฐีวาณิชธนากรจีน นามว่า โจนาธาน หลี่

ทั้งนี้ เสี่ยหลี่อยู่ระหว่างจัดตั้งกองทุนรวม BHR Partners ซึ่งเดินเรื่องขออนุญาตจัดตั้งนานหลายเดือนโดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐของจีน และหลังจากที่คณะผู้แทนสหรัฐฯ เดินทางกลับแล้วไม่กี่วัน BHR ได้รับอนุมัติการจัดตั้งกิจการจากทางการจีน โดยเสี่ยหลี่ถือหุ้น 10% ส่วนฮันเตอร์รับตำแหน่งกรรมการ BHR แบบไม่รับเงินเดือน เพราะมีเป้าหมายการเข้าสู่จีนเพื่อนำเงินลงทุนของจีนออกสู่ตลาดระหว่างประเทศ

ฮันเตอร์ประกาศในเดือนตุลาคม 2019 ว่าตนเริ่มเข้าไปลงทุนใน BHR ในปี 2017 ซึ่งสอดคล้องกับรายงานข่าวของเดลีเมล์ สื่อชั้นแนวหน้าแห่งอังกฤษ เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (2021) ซึ่งให้ข้อมูลว่าตามเอกสารผู้ถือหุ้นของ BHR ที่ยื่นต่อหน่วยกำกับตลาดการเงินของทางการจีน ในเดือนตุลาคม 2017 ฮันเตอร์เข้าลงทุนใน BHR เป็นเงิน 420,000 ดอลลาร์ เพื่อเข้าถือหุ้นใน BHR จำนวน 10%

ฟ็อกซ์นิวส์ละเลงข่าวฟันธงว่า โจ ไบเดน คือตัวจริงรับหุ้น 10% อ้างอิงพยานบุคคลซึ่งที่แท้มีความแค้นส่วนตัว

ในการโจมตีคุณพ่อคุณลูกไบเดนครั้งนี้ ฟ็อกซ์นิวส์นำเสนอรายงานข่าวบอกว่า มีอีเมล์ของฮันเตอร์ซึ่งเขียนขึ้นในช่วงพฤษภาคม 2017 และพาดพิงไปถึงดีลธุรกิจรายการใหญ่ที่ฮันเตอร์ดำเนินการอยู่ และเป็นดีลเกี่ยวกับบริษัทพลังงานเจ้าใหญ่ที่สุดของจีน โดยอีเมล์กล่าวไว้อย่างคลุมเครือว่า “10 ถือโดย ฮ. ตัวแทนของผู้ใหญ่คนนั้น” ในการนี้ ฟ็อกซ์นิวส์อ้างแหล่งข่าวที่ขอปกปิดนาม บอกว่า “ผู้ใหญ่”ที่ถูกพาดพิงถึงคือ โจ ไบเดน

อย่างไรก็ตาม ฮันเตอร์ได้เขียนไว้ในตอนหนึ่งของหนังสือบันทึกความทรงจำว่า “ผมไม่เหมือนเอริก ทรัมป์ หรือโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ (ที่ใช้ความเป็นคนในครอบครัวทรัมป์ไปแสวงประโยชน์ให้แก่บิดา) ผมทำงานให้คนอื่นที่ไม่ใช่พ่อผม”

หลังจากนั้น อดีตผู้ร่วมงานของฮันเตอร์ นาม โทนี โบบูลินสกี ออกมาเปิดตัว และให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ เล่นงานพ่อ-ลูกไบเดนว่า บ่อยเลย ที่ฮันเตอร์ขอให้คุณพ่อลงนามท้ายจดหมาย หรือให้คำแนะนำในเรื่องของดีลธุรกิจในจีน

ข้อกล่าวหาดังกล่าวมีลักษณะเลื่อนลอย ปราศจากหลักฐานรองรับ จึงไม่มีการต่อยอดออกไป ด้านพรรคเดโมแครตได้ออกคำแถลงระบุว่า โบบูลินสกีเคยยอมรับในระหว่างให้สัมภาษณ์บันทึกเทป กับเว็บไซต์ข่าวไบรท์บาร์ท ว่าโกรธที่ไม่สามารถเข้าร่วมธุรกิจกับฮันเตอร์

ฮันเตอร์น้ำตาซึมขณะให้สัมภาษณ์แก่สถานีโทรทัศน์เอบีซีในเดือนตุลาคม 2019 โดยมีประเด็นที่เกี่ยวกับปัญหายาเสพติดที่ทำให้คุณพ่อโจ ไบเดน ผิดหวังและเสียใจ
เสพยาเรื้อรัง เลิกไม่ขาดสักที แต่ยุติสำเร็จเมื่อพบกับภรรยาคนปัจจุบัน

ฮันเตอร์เขียนเล่าในบันทึกความทรงจำว่า ในเดือนเมษายน 2019 เขายังเจ็บปวดอยู่ในความมืดมนที่ไม่สามารถรักษาตนเองออกจากสิ่งเสพติด คุณแม่จิล ไบเดน (แม่เลี้ยงที่ดูแลเขามาตั้งแต่ยังเล็ก) เชิญเขามาทานอาหารค่ำที่บ้านในเดลาแวร์

พอก้าวเข้าบ้าน ฮันเตอร์สังหรณ์ได้ทันทีว่าถูกคุณพ่อคุณแม่เข้ามาแทรกแซงชีวิต เขาเห็นลูกสาวทั้งสามนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับสองที่ปรึกษาผู้ป่วยยาเสพติดจากศูนย์บำบัดประจำรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเขารู้จักและจำได้จากที่เคยไปรับการรักษามาแล้ว

ฮันเตอร์บอกไว้ว่ารู้สึกโกรธอย่างจัด สบถด่าคุณพ่อ และพุ่งตัวปึงปังออกจากบ้าน

อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้เป็นบิดารีบวิ่งตาม จนไปทันกันก่อนที่ฮันเตอร์จะพ้นออกจากกำแพงบ้าน ฮันเตอร์เขียนได้อย่างจับใจว่า

พ่อคว้าตัวผม จับให้ผมหันกลับมา และกอดผมแน่นอยู่ใต้ฟ้ามืดมัว แล้วพ่อก็ร้องไห้นานที่สุดที่ผมเคยเห็น ทุกคนตามออกมารอดูด้วยความห่วงใย

ในปี 2019-2020 อันเป็นช่วงศึกหนักเพื่อให้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ คุณพ่อโจ ไบเดน ต่อสู้เคียงข้างกับบุตรชาย ฮันเตอร์ ไบเดน จนสามารถถึงฝั่งฝัน ตลอดวันเวลาเหนื่อยยากเหล่านี้ ทั้งคุณพ่อและคุณลูกล้วนตกเป็นเป้าหมายการโจมตีจากทรัมป์ ด้วยดวงใจที่หนักแน่นและเชื่อมั่นในความดีของลูก คุณพ่อโจประคองฮันเตอร์ลูกรักฝ่าวิกฤติศึกเลือกตั้งจนกระทั่งทุกอย่างลุล่วงด้วยดี  ในภาพนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก้าวไปคุยกับนักข่าวก่อนขึ้นแอร์ฟอร์ซวัน จากเดลาแวร์กลับทำเนียบขาว เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2021
ในอันที่จะให้ทุกคนสบายใจ ฮันเตอร์ยอมเข้าไปรับการบำบัดอีกครั้ง ณ ศูนย์บำบัดประจำรัฐแมริแลนด์ ฮัลลี ภรรยาม่ายของพี่ชายที่จากไป ช่วยขับรถไปส่งที่ศูนย์ แต่แล้วฮันเตอร์ก็เบี้ยวคุณพ่อคุณแม่อีก เขาบอกเจ้าหน้าที่ศูนย์ว่าจะกลับมาตอนเช้า แล้วโทรศัพท์เรียกแท็กซี่อูเบอร์ และหลบไปเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้สนามบินบัลติมอร์

“สองวันต่อมา ขณะที่ทุกคนคิดว่าผมปลอดภัยเรียบร้อยดีอยู่ที่ศูนย์ ผมนั่งในห้องพักโรงแรม เสพยาที่ผมซุกอยู่ในกระเป๋าเดินทาง” ฮันเตอร์เขียนเล่าไว้ในหนังสือบันทึกความทรงจำ "หลังจากนั้น ผมจับเครื่องบินกลับไปบ้านที่แคลิฟอร์เนีย แล้วผมก็วิ่ง แล้วก็วิ่ง แล้วก็วิ่ง จนกระทั่งได้พบกับเมลิสซา”

ภาพที่ระลึกการแต่งงานระหว่างฮันเตอร์ ไบเดน กับเมลิสซา โคเฮน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2019 ปัจจุบัน ฮันเตอร์และภรรยามีบุตรชายน่ารักหนึ่งคน ทั้งสองตั้งชื่อลูกว่า น้องโบ
เมลิสซาล็อกตัวฮันเตอร์ไว้ในบ้าน เททิ้งยาเสพติด ตัดการติดต่อกับเพื่อน เอาจนฮันเตอร์พ้นคำสาปสิงห์ขี้ยา

ฮันเตอร์เล่าไว้อย่างภูมิใจในเมลิสซา โคเฮน ภรรยาสาวอายุ 32 ปี ซึ่งเป็นคนเชื้อสายอิสราเอลจากประเทศแอฟริกาใต้ เมลิสซามาตั้งถิ่นฐานที่แคลิฟอร์เนีย โดยประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์สารคดีและเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม

ฮันเตอร์พรรณนาถึงความรักที่มีต่อเมลิสซาว่าเป็นรักแรกพบ พร้อมทั้งเล่าว่าภายในหนึ่งชั่วโมงที่เดทกันครั้งแรก ซึ่งเป็นเดทมื้อค่ำ เขาและเมลิสซาประกาศความรักที่มีให้แก่กันและกัน

ในหนึ่งชั่วโมงต่อมา ฮันเตอร์บอกเมลิสซาว่าตนเป็นขี้ยา เมลิสซาตอบว่า

“คุณไม่เป็นขี้ยาแล้ว คุณพ้นออกจากเรื่องนี้แล้ว”

ภาพเซลฟี่ที่ฮันเตอร์ถ่ายตนเองในมิติของสิงห์ขี้ยา
เมลิสซาพาฮันเตอร์ไปบ้านของเธอ ฮันเตอร์เล่าว่าเธอทำโปรแกรมเลิกยาเสพติดให้เขา เธอเทยาเสพติดทิ้งไปหมด และลบเบอร์โทรศัพท์มิตรสหายและคนรู้จักทั้งปวงออกจากเครื่อง เหลือให้เพียงเบอร์ของคนในครอบครัว

ตลอดสามวันสามคืน ฮันเตอร์ไม่ได้แตะยาเสพติดแม้แต่แอะเดียว และได้แต่หลับไปในความอิดโรย แต่เมลิสซาเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการเลิกยาเสพติดมาที่บ้าน มาช่วยกำกับดูแลด้วย

ฮันเตอร์เล่าว่าในที่สุดเขาฟื้นตัวขึ้นมา ทั้งสองตกลงแต่งงานกัน โดยพิธีแต่งงานซึ่งมีขึ้นภายในเจ็ดวันที่รู้จักพบเจอกัน และเป็นพิธีเล็กๆ โดยไม่ได้บอกใครนั้น เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2019

เมลิสซา โคเฮน ไบเดน ภรรยาคนที่สองของฮันเตอร์ ไบเดน เข้าเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวไบเดนได้อย่างราบรื่น ในภาพนี้ เธอเดินเคียงข้างฮันเตอร์ซึ่งอุ้มน้องโบ ตามหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยมีคุณแม่จิล ไบเดนดูหลานตัวน้อย  ครอบครัวไบเดนออกจากแอร์ฟอร์ซวัน เพื่อเข้าบ้านที่เดลาแวร์ในวาระการพักผ่อนสุดสัปดาห์ของครอบครัว
ฮันเตอร์ซึ่งผ่านมรสุมชีวิตงอมแงมในยาเสพติด ได้เข้าไปช่วยงานของคุณพ่อไบเดน ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จนกระทั่งคุณพ่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ พร้อมกฎเหล็กว่าจะไม่มีคนในครอบครัวเข้าไปตั้งสำนักงานอยู่ในทำเนียบขาว จะไม่มีการเข้าไปนั่งประชุมคณะรัฐมนตรี และจะไม่มีสมาชิกไบเดนไปสัมพันธ์กับบริษัทต่างประเทศ

ฮันเตอร์ได้ตัดขาดออกจากบริษัทกองทุนรวม BHR แล้ว แต่ยังไม่ได้ถอยออกจากการถือหุ้นในบริษัทนี้

ภารกิจในอนาคตอันใกล้ คือ การรับมือกับการถูกตรวจสอบเรื่องภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจในจีน

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: เอพี รอยเตอร์ เอเอฟพี เอบีซีนิวส์ ซีบีเอส บีบีซี เดลีเมล์ เดอะการ์เดียน วิกิพีเดีย)

กำลังโหลดความคิดเห็น