อินเดียส่อแววเจอวิกฤตโควิด-19 หนักสุดเท่าที่เคยมีมา ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใหม่วันเดียว 115,736 คนในวันนี้ (7 เม.ย.) เพิ่มขึ้นถึง 13 เท่าตัวจากเมื่อช่วง 2 เดือนที่แล้ว และเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลอินเดียต้องยกระดับฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นอีก
รัฐบาลอินเดียมอบอำนาจให้ฝ่ายบริหารรัฐต่างๆ เลือกใช้มาตรการควบคุมโรคที่เหมาะสมกับแต่ละท้องที่ แต่ปฏิเสธที่จะกลับไป ‘ล็อกดาวน์’ ทั่วประเทศเหมือนเมื่อช่วงต้นปี 2020 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และทำให้ประชาชนนับล้านๆ คนต้องตกงาน
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียแถลงว่า ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มมาอยู่ที่ 12.8 ล้านคน คงอันดับที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และบราซิล ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตมีเพิ่มมาอีก 630 คน รวมเป็น 166,177 คน
ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในอินเดียทะลุ 100,000 มาแล้ว 2 ครั้งในสัปดาห์นี้ และกลายเป็นประเทศที่ 2 ของโลกตามหลังสหรัฐฯ ที่มีผู้ป่วยใหม่เป็นหลักแสน
“โรคระบาดยังไม่หมดไป และเราจะการ์ดตกกันไม่ได้” หรรษ วรรธน (Harsh Vardhan) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอินเดียทวีตข้อความ พร้อมเชิญชวนประชาชนให้ “ไปรับวัคซีนตามวันและเวลาที่กำหนด และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 อย่างจริงจัง”
อย่างไรก็ดี เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นในหลายรัฐว่ารัฐบาลกลางมัวแต่จำกัดการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรแถวหน้า และผู้ที่อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป
รัฐโอริสสายังคงเผชิญปัญหาวัคซีนไม่เพียงพอแม้แต่จะฉีดให้แก่บุคลากรการแพทย์และกลุ่มเสี่ยง โดย พี.เค. โมหะภัทรา หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของโอริสา ได้ร่อนหนังสือไปถึงกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวานนี้ (6) ว่า รัฐของเขาเหลือวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพียงพอสำหรับการฉีด 3 วันเท่านั้น
มุมไบซึ่งเป็นทั้งศูนย์กลางการเงินและหนึ่งในพื้นที่ที่โควิด-19 ระบาดหนักสุดก็แจ้งว่าเหลือปริมาณวัคซีนเพียงพอสำหรับ 3 วันเท่านั้นเช่นกัน และคาดว่าวัคซีนล็อตถัดไปจะส่งมาถึงในวันที่ 15 เม.ย.
อินเดียได้ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนไปแล้วประมาณ 85 ล้านโดส ซึ่งกว่า 90% เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ส่วนที่เหลือเป็นวัคซีนซึ่งศูนย์วิจัยของรัฐคิดค้นพัฒนาร่วมกับบริษัท ภารัต ไบโอเทค
วัคซีนทั้ง 2 ชนิดจำเป็นต้องฉีด 2 โดส ซึ่งในตอนนี้มีชาวอินเดียกว่า 74 ล้านคนที่รับวัคซีนไปแล้วอย่างน้อย 1 โดส จากจำนวนประชากรทั้งหมด 1,350 ล้านคน
ยอดผู้ติดเชื้อในแดนภารตะที่เริ่มพุ่งสูงขึ้นอีกทำให้รัฐบาลอินเดียสั่งชะลอการส่งออกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อสำรองวัคซีนไว้ใช้งานภายในประเทศก่อน
ที่มา: รอยเตอร์
