เอพี/รอยเตอร์ – สาธุชนชาวคริสต์ทั่วโลกฉลองเทศกาลวันอีสเตอร์ในวันอาทิตย์(4 เม.ย)อย่างคึกคัก โป๊ปฟรานซิสส่งสารเนื่องในวันนี้ขอให้เร่งแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19ไปยังประเทศยากจน พร้อมชี้ความขัดแย้งทางการทหารและการจัดซื้ออาวุธช่วงระหว่างเกิดวิกฤตโรคระบาดถือเป็นสิ่งที่อื้อฉาว
เอพีรายงานวันนี้(4 เม.ย)ว่า ชาวคริสต์ทั่วโลกต่างฉลองเทศกาลอีสเตอร์วันอาทิตย์(4)ท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งรวมไปถึงการสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่โบสถ์โปรแตสแตนท์ในเกาหลีใต้ไปจนถึงมหาวิหาร เซนต์ปีเตอร์ส บาซิลิกา ในนครรัฐวาติกัน
ที่โรงพยาบาลแคว้นลอมบาร์เดียของอิตาลี พบว่าได้มีการแจกจ่ายขนมเค็กอีสเตอร์รูปนกพิราบขาวตามประเพณีที่สื่อไปถึงสันติภาพให้กับทุกคนที่กำลังเข้าคิวเพื่อรอรับวัคซีนโควิด-19 และส่วนมากที่เข้ามารับจะอยู่ในช่วงวัยกว่า 80 ปีและมาพร้อมกับบุตรหลานที่เป็นผู้ใหญ่
ในเมืองเยรูซาเลม อิสราเอลพบว่าได้มีการจำกัดการเดินทาง และมาตรการกักกันโรคเพื่อป้องกันไม่ให้นักแสวงบุญชาวต่างชาติแห่หลั่งไหลเข้ามาที่ศาสนสถานอันศักดิสิทธิ์ในช่วงสัปดาห์อีสเตอร์นี้
ภายในวิหารเซนต์ปีเตอร์ส บาซิลิกา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประกอบพิธีทางศาสนา โดยพระองค์ได้ตรัสว่า “ขอให้ความรื่นเริงแห่งอีสเตอร์จงแผ่ซ่านออกไปสู่ทั่วทั้งโลก”
พบว่ามีสาธุชนนักแสวงบุญชาวคริสต์แค่ 200 คนได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในจากปกติที่มีจำนวนหลายพันคนในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 หรืออาจมากถึง 100,000 คนรับการประทานพรพิเศษเนื่องในวันอีสเตอร์จากพระประมุขโฮลีซีหลังพิธีมิซซาแล้ว
เอพีชี้ว่า แต่ทว่าปีนี้เหมือนเช่นปีที่ผ่านมาที่ไม่อนุญาตให้ฝูงชนสามารถรวมตัวกันในอิตาลีและในวาติกัน และทำให้หมายกำหนดการของโป๊ปฟรานซิสในการส่งสารประทานพรในช่วงบ่ายเนื่องในวันอีสเตอร์แก่ชาวโลกนั้นได้ถูกกระทำขึ้นภายในวิหาร
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า สมเด็จพระสันตะปาปาทรงประกาศเนื่องในวันอีสเตอร์ ขอให้มีการเร่งแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19โดยเร็วมากขึ้นโดยเฉพาะสู่ประเทศยากจน และพระองค์ยังทรงส่งสารไปถึงความขัดแย้งทางการทหารว่า การสู้รบและการใช้งบทางการทหารในช่วงวิกฤตโควิด-19นั้นมันช่างอื้อฉาว
“วิกฤตโรคระบาดยังคงเกิดขึ้นต่อไปในขณะที่วิกฤตทางสังคมและเศรษฐกิจยังคงเลวร้ายโดยเฉพาะต่อผู้ยากไร้ ไม่ว่าอย่างไรและนี่คือความอื้อฉาว ความขัดแย้งทางอาวุธไม่เคยสิ้นสุดและคลังแสงทางการทหารยังคงทำให้แข็งแกร่งมากขึ้น”
รอยเตอร์ชี้ว่า จัตุรัสภายในที่เคยเนืองแน่กลับว่างเปล่าในวันอาทิตย์(4)เว้นแต่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กี่นายคอยทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยมาตราการล็อกดาวน์ 3 วัน
โป๊ปฟรานซิสได้วอนขอพระผู้เป็นเจ้าให้ช่วยเหลือคนป่วย ผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก รวมไปถึงบุคคลที่ถูกเลิกจ้าง พร้อมกันนี้พระองค์ทรงเรียกร้องไปยังบรรดาเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวในสิ่งที่คนเหล่านั้นจำเป็น
พระองค์ทรงตรัสสรรเสริญไปยังบรรดาเจ้าหน้าที่การแพทย์ผู้เสียสละ ทรงสงสารบรรดาเด็กๆที่อดไปโรงเรียน และตรัสว่าทุกคนถูกกำหนดให้ต้องต่อสู้กับมหาภัยโรคติดต่อนี้
“ข้าพเจ้าขอเรียกร้องต่อทั้งประชาคมโลกในจิตวิญญาณความรับผิดชอบร่วมกันของข้อผูกพันที่จะเอาชนะความล่าช้าของการแจกจ่ายวัคซีน และให้การช่วยเหลือต่อการแจกจ่ายเหล่านั้นโดยเฉพาะในชาติที่ยากจน”
พระองค์ยังทรงชี้ไปถึงสงครามและการสู้รบที่ยังคงมีอยู่ในเวลานี้ว่า “ยังคงมีสงครามเป็นจำนวนมากเกินไป มีความรุนแรงมากเกินไปในโลกใบนี้! ขอพระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นความสันติภาพของพวกเรา ได้โปรดช่วยพวกเราชนะจิตใจในการทำสงคราม”
เอพีรายงานว่า ที่อิตาลีมีการสั่งล็อกดาวน์ห้ามออกจากบ้านเป็นเวลา 3 วันหลังจากวิกฤตโรคระบาดเพิ่มสูงขึ้น โดยอนุญาตให้สามารถออกจากบ้านเดินทางไปเยี่ยมเยียนต่างครอบครัวได้แค่ 1 ครั้งต่อวันภายในเขตใกล้เคียงเท่านั้นในเทศกาลหยุดยาวที่จะมีวัน ลิเติล อีสเตอร์ วันหยุดตามประเพณีของอิตาลีในวันจันทร์(5)
ส่วนที่เกาหลีใต้ที่มีการนับถือศาสนาคริสต์เป็นจำนวนมากพบว่า ทางโบสถ์ Yoido Full Gospel Church ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอนุญาตให้สาธุชนแค่จำนวน 2,000 คนเท่านั้นให้เข้าร่วมประกอบพิธีอีสเตอร์ หรือคิดเป็นแค่ 17% ของขนาดที่อาคารหลักของโบสถ์สามารถรับได้ตามปกติ โดยผู้ที่เข้าร่วมประกอบพิธีต่างสวมหน้ากาก ร้องบทเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ปรบมือ และสวดภาวนาระหว่างการถ่ายทอดสดทางออนไลน์ที่เผยแพร่ทางช่องทีวีคริสเตียน
ส่วน Myeongdong Catholic Cathedral โบสถ์คาทอลิกใหญ่สุดของเกาหลีใต้ในกรุงโซลอนุญาตให้สาธุชนเข้าร่วมประกอบพิธีมิสซาได้แค่ 20% ของศักยภาพที่สามารถกระทำได้ตามปกติเท่านั้น