สหรัฐฯ เตรียมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญกองทัพเรือช่วยย้ายเรือยักษ์ขวาง ‘คลองสุเอซ’

ความพยายามเคลื่อนย้ายเรือสินค้าขนาดยักษ์ที่ติดแหง็กขวางคลองสุเอซ ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา (23 มี.ค.) ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ ขณะที่สหรัฐฯ ประกาศพร้อมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญของกองทัพเรือ เข้าให้ความช่วยเหลือ หากได้รับการร้องขอจากรัฐบาลอียิปต์

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันกำลังมองหาวิธีที่จะให้ความช่วยเหลือ หลังจากที่เรือ เอเวอร์ กีฟเวน (Ever Given) ซึ่งมีความยาวถึง 400 เมตร และระวางขับน้ำถึง 200,000 ตัน ประสบเหตุเกยตื้นในคลองสุเอซ เนื่องจากเผชิญกระแสลมแรง จนเป็นเหตุให้การขนส่งสินค้าทางทะเลทั่วโลกปั่นป่วนอยู่ในตอนนี้

“เรามีเครื่องไม้เครื่องมือและศักยภาพที่ประเทศส่วนใหญ่ไม่มี และเรากำลังพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง” ไบเดน ให้สัมภาษณ์สื่อที่รัฐเดลาแวร์

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง ยืนยันว่า กองทัพเรือสหรัฐฯ เตรียมที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการขุดลอกแม่น้ำไปยังคลองสุเอซ โดยรอเพียงการอนุมัติจากหน่วยงานท้องถิ่นของอียิปต์

การที่เรือลำนี้จอดปิดเส้นทางอยู่ ส่งผลให้อัตราค่าขนส่งของเรือบรรทุกน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่า และคาดว่า การเคลื่อนย้ายเรือลำนี้อาจต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ เนื่องจากมีปัจจัยด้านสภาพอากาศที่แปรปรวนเป็นอุปสรรคด้วย

บริษัท Bernhard Schulte Shipmanagement (BSM) ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรือ เอเวอร์ กีฟเวน ยืนยันว่า ลูกเรือทั้ง 25 คน ยังคงอาศัยอยู่บนเรืออย่างปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรง และมีกำลังใจที่ดี และทีมกู้ภัยจากเนเธอร์แลนด์เตรียมจะส่งเรือลากจูงอีก 2 ลำเข้าไปยังจุดเกิดเหตุในวันที่ 28 มี.ค. เพื่อช่วยเคลื่อนย้ายเรือยักษ์ลำนี้

ก่อนหน้านั้น องค์การคลองสุเอซ (SCA) ระบุว่า ความพยายามเคลื่อนย้ายเรือได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่มีการขุดลอกทรายประมาณ 20,000 ลูกบาศก์เมตรออกไป พร้อมยอมรับว่า ปฏิบัติการย้ายเรือยักษ์ลำนี้ต้องอาศัยปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง รวมถึงกระแสลมและกระแสน้ำ ซึ่งทำให้ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

SCA ยังแสดงความยินดีที่สหรัฐฯ อาสาช่วยเหลือ ในขณะที่ตุรกีก็บอกว่าพร้อมจะส่งเรือเข้ามาช่วยอีก 1 ลำ สะท้อนความพยายามของรัฐบาลอังการาที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอียิปต์หลังจากที่บาดหมางกันมานานหลายปี

ด้านบริษัทประกันภัยอัลไลแอนซ์ (Allianz) ของเยอรมนีออกมาประเมินวานนี้ (26) ว่า การที่คลองสุเอซกลายเป็นอัมพาตอาจสร้างความเสียหายต่อการค้าโลกไม่ต่ำกว่า 6,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อสัปดาห์

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดีส์ (Moody’s) คาดว่า ผู้ผลิตและซัปพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์ในยุโรปจะได้รับผลกระทบมากที่สุด และหลังจากที่เคลื่อนย้ายเรือได้แล้วก็ยังต้องเผชิญปัญหาเรือสินค้าที่ตกค้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ความล่าช้าของห่วงโซ่อุปทานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ทอม ชาร์ป อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรืออังกฤษ ให้ความเห็นว่า ช่วงเวลาที่น้ำขึ้นในวันอาทิตย์นี้ (28) เป็นโอกาสดีที่จะพยายามกันอีกหน แต่เนื่องจากเรือเกยตื้นทั้งส่วนหัวและส่วนท้าย จึงมีความเสี่ยงที่ลำตัวเรือจะได้รับความเสียหายหากทีมกู้ภัยใช้แรงดึงมากเกินไป

ที่มา: รอยเตอร์