ศาลปากีสถานพิพากษาประหารชีวิตชาย 2 คนที่ก่อเหตุรุมโทรมหญิงชาวฝรั่งเศสต่อหน้าลูกๆ ของเหยื่อริมถนนมอเตอร์เวย์เมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญที่สร้างความโกรธแค้นในหมู่ประชาชน และนำมาสู่ข้อเรียกร้องเพิ่มโทษคดีข่มขืน
อาบิด มัลฮี และ ชัฟกอต ฮุสเซน สองผู้ต้องหาในคดีนี้ ถูกศาลเมืองลาฮอร์พิพากษาว่ามีความผิดฐานกระทำชำเรา, ลักพาตัว, ปล้นทรัพย์ และก่อการร้าย
เหยื่อซึ่งเป็นหญิงฝรั่งเศสเชื้อสายปากีสถาน ขับรถมากับลูกๆ 2 คนบนถนนมอเตอร์เวย์เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว แต่ระหว่างทางรถเกิดน้ำมันหมด เธอจึงโทร.หาญาติๆ และนั่งอยู่ในรถเพื่อรอความช่วยเหลือ
คนร้ายทั้งสองเมื่อเห็นเหยื่อจึงเข้าไปทุบกระจกรถ และลากตัวผู้หญิงออกไปกระทำชำเราต่อหน้าลูกๆ ของเธอ นอกจากนี้ยังขโมยเงิน, เครื่องประดับ และบัตรเครดิตของเธอ ก่อนจะพากันหลบหนีไป
ตำรวจใช้วิธีตามสืบจากข้อมูลโทรศัพท์มือถือ จนกระทั่งสามารถรวบตัวคนร้ายได้ภายในไม่กี่วัน และหลักฐานดีเอ็นเอที่พบในจุดเกิดเหตุก็ตรงกับบุคคลทั้งสองด้วย
ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนก็ออกมาเรียกร้องให้สังคมหยุดโยนความผิดให้กับเหยื่อที่ถูกข่มขืน เพราะหลังเหตุการณ์ผ่านไปไม่นานนัก ปรากฏว่ามีนายตำรวจระดับสูงคนหนึ่งออกมาตั้งคำถามผ่านสื่อว่าผู้หญิงคนนี้ทำไมจึงพาลูกออกมาขับรถในเวลาดึกๆ ดื่นๆ
ชาวปากีสถานได้ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อปกป้องผู้หญิงและเด็ก หลังจากที่เกิดคดีข่มขืนลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้งหลายหน
ข้อมูลจากกลุ่ม War Against Rape ซึ่งเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนในเมืองการาจี พบว่า คดีข่มขืนที่เกิดขึ้นในปากีสถานมีอยู่เพียงแค่ 3% เท่านั้นที่นำไปสู่การเอาผิดคนร้ายได้
เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว รัฐบาลปากีสถานได้ออกกฎหมายเพิ่มโทษคดีข่มขืน, ตั้งศาลพิเศษเพื่อช่วยให้กระบวนการไต่สวนเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น รวมถึงมีการขึ้นทะเบียนบุคคลที่เป็นอาชญากรทางเพศ
(ที่มา : รอยเตอร์, Independent)