รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – อีลอน มัสก์ ผู้บริหารเทสลาแถลงตอบโต้วันเสาร์(20 มี.ค)ว่า ไม่ได้ถูกใช้เพื่อสปาย โดยชี้ว่าบริษัทเทสลาของตนจะถูกปิดหากถูกใช้เป็นสายลับ เป็นการตอบโต้ครั้งแรกหลังมีรายงานวันศุกร์(19 มี.ค)กองทัพจีนสั่งห้ามรถเทสลาเข้าฐานกลัวถูกล้วงความลับจากกล้องของรถ
รอยเตอร์รายงานวานนี้(20 มี.ค)ว่า กองทัพจีนก่อนหน้าได้ออกคำสั่งห้ามรถเทสลาของอีลอน มัสก์เข้าเขตฐานทัพเกรงจะใช้เทคโนโลยีล้วงความลับ โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จีนวิตกไปถึงกล้องของตัวรถเทสลา ที่เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับช่วยเหลือให้ผู้ขับสามารถจอดรถหรือการใช้ระบบขับอัตโนมัติ และมีบางรุ่นของเทสลามีกล้องที่กระจกมองหลังเพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัย
สกายนิวส์ สื่ออังกฤษ เปิดเผยว่า ก่อนหน้ามัสก์เคยกล่าวไปถึงประโยชน์ที่ได้รับจากข้อมูลที่ถูกรวบรวมมาได้ โดยชี้ว่าเป็นการนำมาใช้เพื่อพัฒนาระบบการขับขี่อัตโนมัติในอนาคต
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กองทัพและผู้ที่อาศัยในฐานทัพได้รับการแจ้งในสัปดาห์นี้ที่ระบุว่า รถเทสลาไม่สามารถจอดภายในฐานทัพหรือที่ตั้งทางทหารของกองทัพจีน
สกายนิวส์ชี้ว่า ในรายงานระบุว่า ทางจีนกังวงไปถึงการใช้กล้องเพื่อบันทึกข้อมูลสภาพแวดล้อมโดยรอบของรถที่จอดอยู่ภายในฐานทัพ
โดยในคำสั่งให้เจ้าของรถเทสลาจอดรถของตนไว้ที่ด้านนอก ซึ่งในปีที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ สามารถจำหน่ายรถเทสลาในจีนได้จำนวน 147,445 คัน หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนทั้งหมด ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นจากคู่แข่งภายในตลาดจีน เป็นต้นว่า นีโอ อิงค์ (Nio Inc) และ กีลี(Geely)
และล่าสุดมัสก์ได้ออกมาตอบโต้ข้อหาสปายเป็นครั้งแรกโดยยืนยันว่า หากว่าเป็นสปายจริงบริษัทเทสลาของเขาในจีนคงถูกปิดไปแล้ว
“มัยเป็นแรงจูงใจอย่างสำคัญของเราในการปกปิดความลับอย่างสูงต่อข้อมูลใดๆ” มัสก์กล่าวผ่านฟอรัมชื่อดังของจีนระหว่างการเข้าร่วมทางออนไลน์วันเสาร์(20)
และเสริมต่อว่า “หากว่าเราใช้รถในการสอดแนมจีนหรือที่ใดๆ เราคงถูกปิดไปนานแล้ว”
ซึ่งในที่ประชุมอีลอน มัสก์ยังได้แนะนำให้สหรัฐฯและจีนสามารถสร้างความเชื่อมั่นร่วมกันซึ่งมันจะเป็นการดีเป็นอย่างมาก