ยังจำกันได้ไหม มหันตภัยไฟป่ามาราธอน 7 เดือนของออสเตรเลียเมื่อเดือนกันยายน 2019 ถึงเดือนมีนาคม 2020 ซึ่งได้เผาผลาญอาคารและที่อยู่อาศัยไปราว 5,900 แห่ง บนพื้นที่ 186,000 ตารางกิโลเมตรของ 8 รัฐ (มากกว่า 36% ของพื้นที่ประเทศไทย) พร้อมกับคร่าชีวิตผู้คน 484 ราย โดยตายด้วยไฟป่าโดยตรงไม่น้อยกว่า 34 ราย ขณะที่สัตว์นานาพันธุ์เกิน 3,000 ล้านชีวิตต้องล้มตาย บาดเจ็บ สูญเสียที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหาร โดยมีบางสปีชีที่ถึงกับสูญพันธุ์
นอกจากนั้น ความเสียหายเชิงทรัพย์สินก็มหาศาล ออสเตรเลียหมดค่าใช้จ่ายในการต่อสู้กับไฟป่าสูงกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะเดียวกัน ความเสียหายทางเศรษฐกิจและทางด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งปวงอยู่ที่ประมาณ 103,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
มหาวิบัติที่วินาศสันตะโรเหล่านี้ทำให้มีการตั้งคำถามกันอย่างกว้างขวางว่าจะต้องเร่งทำอะไรบ้างที่จะหยุดยั้งมิให้เหตุมหาวิปโยคเหล่านี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
มหาวิทยาลัย ANU จับมือบรรษัท Optus พัฒนาระบบตรวจจับเพลิงใน 1 นาทีที่ไฟปะทุ
หนึ่งในอภิมหาคำตอบที่ได้เดินหน้าเป็นจริงอย่างรวดเร็ว เป็นของสององค์กรใหญ่และยักษ์แห่งออสเตรเลีย ได้แก่ มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University - ANU) และบรรษัท ออปทูส (Optus Enterprise) วิสาหกิจยักษ์ระดับประเทศในด้านโทรคมนาคมและดาวเทียม
ทั้งสององค์กรตกลงร่วมมือกันพัฒนาระบบระดับประเทศที่จะนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาปฏิวัติรูปแบบการบริหารจัดการไฟป่า ดังนี้
แผนปฏิบัติการที่จะตรวจเจอไฟปะทุได้ภายใน 60 วินาที และทำการดับไฟภายใน 5 นาที
แผนปฏิบัติการดังกล่าวใช้เครื่องมือ 3 กลุ่ม :
- โดรนไล่ล่าพายุ
- เครื่องร่อนทิ้งบอบม์มวลน้ำอัจฉริยะ
- กลุ่มดาวเทียมสอดส่องการปะทุของเปลวเพลิงเพื่อลดภัยไฟนรกในป่าออสเตรเลียให้ลงเหลือเพียงนิดเดียว
ตัวอย่างของปฏิบัติการ :
เมื่อฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยงลงบนต้นไม้แห้งกรอบ และส่งผลให้เกิดไฟลุกโพลงขึ้นในหุบเขาที่แสนจะแล้งและแสนจะลึกดิ่ง ดาวเทียมซึ่งมีเซ็นเซอร์ระยะไกลจะตรวจจับสัญญาณด้วยอินฟราเรด ก็จะตรวจพบสถานการณ์ดังกล่าวนี้ได้ภายใน 1 นาที และจะแจ้งทราบไปยังโดรน
ในทันทีนั้น โดรนซึ่งติดกล้องอย่างดีก็จะพุ่งปราดไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ และทำการยืนยันจุดที่มีไฟลุกไหม้ (ดาวเทียมอาจมีความคลาดเคลื่อนได้บ้างในการแจ้งเตือนปัญหาไฟลุกไหม้)
ณ วินาทีนั้น เครื่องบิน C-130 จะบินไปยังจุดไฟไหม้ แล้วปล่อยเครื่องร่อนบรรทุกน้ำไร้คนขับ ให้ออกไปปราบปรามวายร้ายมหาภัยไฟป่า
เครื่องร่อนบรรทุกน้ำต้นทุนต่ำที่ปฏิบัติงานแบบอัตโนมัติไร้คนขับ และมีระบบนำทางที่สื่อสารตรงกับโดรน จะดิ่งไปยังจุดที่เกิดไฟลุกไหม้ และทำการระเบิดน้ำลงไปดับไฟอย่างแม่นยำ ดังนั้น กองเพลิงซึ่งยังเล็กอยู่จึงไม่มีโอกาสจะลุกลามใหญ่โต
ตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับไฟปะทุจากระยะไกลคือองค์ประกอบสำคัญ
ผู้ที่ทำการพัฒนาระบบสุดยอดอัจฉริยะดังกล่าว คือ ศูนย์นวัตกรรมการต่อสู้ไฟป่าแห่งชาติของออสเตรเลีย หน่วยงานภายใต้มหาวิทยาลัย ANU หรือ ANU National Bushfire Initiative
ผู้อำนวยการศูนย์ฯ นามว่าศาสตราจารย์มาร์ทา เยบรา บอกว่าภารกิจที่ศูนย์ฯ เร่งดำเนินการอยู่ ครอบคลุมการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนที่เกี่ยวกับการติดตามสภาพการณ์ของความไวไฟในส่วนต่างๆ ของป่า (เพื่อเช็คสถานการณ์ปริมาณเชื้อเพลิง) และติดตามระดับความชื้น ตลอดจนสภาพดินฟ้าอากาศด้วย
ยังมีมากกว่านี้อีก!!
ผอ.เยบราบอกว่า ศูนย์ฯ ได้พัฒนาเซนเซอร์ขึ้นมาหลายๆ ระดับเทคโนโลยี เพื่อปฏิบัติการ ณ ระดับความสูงของเวิ้งฟ้าหลายเลเยอร์ สิ่งนี้จะช่วยตรวจหาการลุกไหม้ของไฟภายในสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง
“ตัวอย่างเช่นเซ็นเซอร์สำหรับภาคพื้นดินเพื่อตรวจจับเพลิงไหม้ตั้งแต่เริ่มติดไฟขึ้นมา แต่เทคโนโลยีตัวนี้ปฏิบัติการได้ภายในพื้นที่ที่จำกัดมาก ดังนั้น เราจะติดเซ็นเซอร์แบบนี้ในบางพื้นที่สำคัญเท่านั้น เช่น นำไปติดตั้งในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง หรือในพื้นที่ทางหลวง หรือติดตั้งในสถานที่ซึ่งมีคุณค่าเชิงนิเวศวิทยาอย่างยิ่งยวดและจึงต้องได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ”
ถัดจากเซนเซอร์ในชั้นภาคพื้นดิน ศ.เยบรา บอกว่า ยังมีอีกหนึ่งเลเยอร์ที่จะติดกล้องตรวจตราสถานการณ์ไฟไหม้ คือ นำไปติดตั้งบนอาคารซึ่งมีทัศนวิสัยที่กว้างขึ้นมาก
ถัดขึ้นไปอีกหนึ่งเลเยอร์ของเวิ้งฟ้า จะใช้โดรนติดกล้องคอยตรวจตราสถานการณ์ระดับภาพรวมระดับใหญ่
ถัดสูงสุดขึ้นไป จะใช้กลุ่มดาวเทียมทั้งแบบดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit : LEO) และดาวเทียมที่อยู่ค้างฟ้า (Geostationary Earth Orbit : GEO)
โดรนติดกล้องพิเศษพร้อมเซ็นเซอร์ : อาวุธลับศักยภาพกว้างขวาง
ในช่วงที่บางพื้นที่ตกอยู่ในความเสี่ยงสูงว่าอาจเกิดกองเพลิงในวินาทีใดหนึ่งขึ้นมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่ที่เราให้ความสำคัญยิ่งยวดและมิอาจปล่อยให้อยู่ในความเสี่ยงได้เลยนั้น ศูนย์ฯ จะส่งทีมโดรนเหินฟ้าขึ้นไปช่วยกันจับตาสอดส่อง เช่น พื้นที่ป่าสนไดโนเสาร์ คือป่าสนวอลเลมี ไพน์ อายุ 400 ล้านปี ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นป่าสนโบราณก่อนยุคประวัติศาสตร์แห่งเดียวของโลก
เซ็นเซอร์ซึ่งติดตั้งอยู่กับโดรนที่เหินฟ้าเหนือพื้นที่เสี่ยงทั้งปวง จะสามารถระบุให้ทราบได้เลยว่า พื้นที่ตรงไหนบ้างที่แห้งที่สุด และพื้นที่ตรงไหนบ้างที่มีความไวไฟสูงสุด อาทิ พื้นที่ของพงหญ้าและพุ่มไม้ที่แห้งกรอบ ซึ่งจะติดไฟง่ายดายและรวดเร็วจนน่าตกใจ
“หากคุณผนวกเทคโนโลยีพวกนี้ไปทำงานร่วมกับข้อมูลแหล่งอื่นๆ เช่น ข้อมูลจากการพยากรณ์ปรากฏการณ์ฟ้าผ่า โดรนก็จะไปไล่ล่าหาพายุฟ้าผ่า (ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดประกายไฟและเหตุไฟไหม้ลุกลาม) แล้วก็ส่งโดรนทั้งปวงไปเฝ้าระวังอยู่ในพื้นที่เสี่ยงได้เลย” ผอ.เยบรากล่าวอย่างนั้น
เครื่องร่อนบรรทุกน้ำ : อัจฉริยะจอมดับไฟที่เป๊ะสุดๆ พร้อมประสิทธิภาพขั้นเทพ
ในเวลาเดียวกัน เครื่องร่อนก็ได้อานิสงส์ด้วย เมื่อเครื่องร่อนซึ่งมีระบบนำทางอัตโนมัติได้รับข้อมูลอันแม่นยำจากโดรน เครื่องร่อนจะไปอยู่เหนือจุดเพลิงไหม้ได้อย่างแม่นยำ และสามารถระเบิดมวลน้ำดับไฟ ณ จุดที่ถูกต้อง และ ณ ระดับความสูงที่เป๊ะ ซึ่งช่วยให้น้ำกระจายตัวและทำการดับไฟได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมา ANU เป็นผู้พัฒนาเครื่องร่อนไร้คนขับดังกล่าวซึ่งใช้ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ และสามารถปราบกองเพลิงซึ่งเพิ่งลุกลามขึ้นมาให้ดับลงได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมาก เครื่องร่อนอัจฉริยะนี้จะสามารถปฏิบัติงานได้ในทุกเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน และในทุกสภาพดินฟ้าอากาศ
บุคคลในภาพคือ ศ.รอบ มาโฮนี
จากคณะวิศวกรรมและคอมพิวเตอร์แห่งANU และทีมงานเป็นผู้พัฒนาเครื่องร่อนบรรทุกน้ำเพื่อดับไฟป่าตั้งแต่ยังเป็นกองเพลิงไม่ใหญ่
ขณะนี้ผ่านขั้นตอนทดสอบต้นแบบแล้ว (ภาพจากเว็บไซต์ข่าวของมหาวิทยาลัยANU)
ออปทูสพร้อมส่งดาวเทียมติดเซ็นเซอร์ระยะไกลสู่อวกาศในปีหน้า
ในมิติของการพัฒนาดาวเทียมติดเซ็นเซอร์ระยะไกล บรรษัทออปทูส วิสาหกิจยักษ์ระดับประเทศในด้านโทรคมนาคมและดาวเทียม รับเป็นเจ้าภาพ โดยทำงานร่วมกับการพัฒนาเซนเซอร์ของศ.เยบร้า
แรงกระทบอันมหาศาลที่ออสเตรเลียได้รับจากมหาวินาศไฟป่า 2019/20 เป็นแรงบันดาลใจให้ออปทูสออกโรงมาช่วยขับเคลื่อนความพยายามยุติไฟป่ามหาวินาศ
ออปทูสมอบหมายให้หน่วยปฏิบัติการด้านดาวเทียมของตนจัดตั้งทีมงานศึกษาว่าดาวเทียมสำรวจโลกของออปทูสจะช่วยต่อสู้ไฟป่าในอนาคตได้อย่างไร ที่ผ่านมาออปทูสได้ทำความตกลงดำเนินงานร่วมกับบริษัทหุ้นส่วนในต่างประเทศในอันที่จะพัฒนาศักยภาพการตรวจจับพื้นที่ที่มีไฟไหม้เกิดขึ้น
ในการนี้ ออปทูสใช้ดาวเทียมที่ติดตั้งเซนเซอร์ระยะไกลเพื่อการตรวจหาจุดเพลิงไหม้แบบเรียลไทม์ของบริษัท Fireball.International คือ ดาวเทียม Optimus-1 satellite โดยบริษัทแห่งรัฐควีนส์แลนด์เจ้านี้ นำประสบการณ์การต่อสู้ไฟป่ามากกว่า 75 ปี (ทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ภาคพื้นดิน และการใช้เครื่องบิน ตลอดจนการใช้เฮลิคอปเตอร์) มาพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะทางด้านดาวเทียมเพื่อต่อสู้ไฟป่า
บริษัท Fireball.International ได้ออกข่าวร่วมกับบริษัทแท็กซี่อวกาศ หรือ Space Taxi เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าจะนำดาวเทียม Optimus-1 satellite ขึ้นสู่วงโคจรในอวกาศในปี 2022 โดยประกาศว่าระบบของดาวเทียมนี้จะสามารถตรวจพบไฟที่ปะทุขึ้นในป่าได้ภายใน 1 นาที
แผนงานต่อๆ ไปที่ออปทูสจะขับเคลื่อนในอีกสามปีข้างหน้าจะเป็นการใช้ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีจากการวิจัยพัฒนาใหม่ๆ อีกมากมาย ทั้งในองค์ความรู้ด้านอวกาศ การสื่อสารโทรคมนาคม ระบบเซนเซอร์ ไปจนถึงศาสตร์ด้านไฟป่าอีกหลายหลาก
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เว็บไซต์ข่าว ANU Cosmos Magazine เว็บไซต์ข่าว Information Age รอยเตอร์ วิกิพีเดีย ทวิตเตอร์ เว็บไซต์ World Weather Attribution เว็บไซต์ Space Connect Online เว็บไซต์ National Public Radio เว็บไซต์ NSW National Parks & Wildlife Service)