สถานการณ์โควิด-19 ในอินเดียกลับมาย่ำแย่ ล่าสุดมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 40,953 รายในวันนี้ (20 มี.ค.) นับเป็นตัวเลขรายวันสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือน โดยกว่าครึ่งเป็นผู้ป่วยในรัฐมหาราษฏระซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่ร่ำรวยที่สุดและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ
โรคระบาดใหญ่ยังได้คร่าชีวิตผู้ป่วยในอินเดียเพิ่มอีก 188 คนในรอบ 24 ชั่วโมง ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมขยับเป็น 159,404 ศพ ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 11,555,284 คน รั้งอันดับ 3 ของโลกตามหลังสหรัฐฯ และบราซิล
หลายภูมิภาคของอินเดียได้ฟื้นคำสั่งล็อกดาวน์และปิดร้านอาหาร และยังมีอีกหลายพื้นที่ซึ่งกำลังพิจารณายกระดับมาตรการคุมเข้มทางสังคมอีกครั้ง
แพทย์ระบุว่า สาเหตุที่เชื้อกลับมาระบาดหนักซ้ำเป็นเพราะประชาชนเริ่มละเลยการสวมหน้ากากและเว้นระยะห่าง และเวลานี้ในบางรัฐ เช่น มหาราษฏระ เริ่มจะประสบปัญหาคนไข้ล้นโรงพยาบาล
เฉพาะที่มหาราษฏระเพียงรัฐเดียวมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นวันเดียวถึง 25,681 คน โดย 3,000 คนเป็นผู้ป่วยในนครมุมไบ
รัฐซึ่งมีประชากร 112 ล้านคนได้ประกาศล็อกดาวน์ในบางเขต และกำหนดให้โรงภาพยนตร์, โรงแรม และร้านอาหาร จำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการไม่เกิน 50% จนถึงสิ้นเดือนนี้ ขณะที่ อุดดาฟ แธคเคอรี มุขมนตรีแห่งรัฐมหาราษฏระ เตือนว่าอาจจำเป็นต้องขยายมาตรการให้เข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก
รัฐอื่นๆ ของอินเดีย เช่น ปัญจาบ, กรณาฏกะ, คุชราต และมัธยประเทศ ล้วนแต่มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนที่กรุงนิวเดลีก็มียอดผู้ป่วยรายวันเพิ่มอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทางการต้องยกระดับฉีดวัคซีนให้ประชากรเพิ่มจาก 40,000 เป็น 125,000 คนต่อวัน
รัฐบาลอินเดียประกาศเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร 300 ล้านคน หรือ 1 ใน 5 ของประเทศ ภายในเดือน ส.ค. แต่จนถึงตอนนี้เพิ่งจะมีผู้ได้รับวัคซีนไปแค่ราวๆ 42 ล้านคน ในขณะเดียวกัน อินเดียซึ่งถือเป็นชาติผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลกก็ได้บริจาคหรือส่งออกวัคซีนไปยังต่างประเทศแล้วเกือบ 60 ล้านโดส
(ที่มา : รอยเตอร์)