ทางการเนปาลสอบสวนกรณีเจ้าชายบาห์เรนพระองค์หนึ่งนำวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2,000 โดสเข้ามาในประเทศ โดยไม่ได้ขออนุญาต
รายงานระบุว่า เจ้าชายโมฮาเหม็ด ฮามาด โมฮาเหม็ด อัล-คาลิฟา เสด็จฯ มาถึงเนปาลเมื่อวันจันทร์ (15 มี.ค.) พร้อมกับนำวัคซีนของแอสตราเซเนกามาด้วย 2,000 โดส โดยทรงตั้งใจจะนำไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านในชนบทห่างไกล
อย่างไรก็ดี การนำเข้าผลิตภัณฑ์ยานั้นจะต้องทำเรื่องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการยาของเนปาลเสียก่อน
สถานทูตบาห์เรนประจำเนปาลชี้แจงต่อสื่อท้องถิ่นว่า ทีมงานของเจ้าชายต้องการนำวัคซีนไปบริจาคช่วยเหลือชาวบ้านในเขตกุรข่า (Gorkha)
เมื่อวานนี้ (16) ธเนศวร กูรากาอิน โฆษกบริษัทนำเที่ยว Seven Summits Trek ซึ่งดูแลคณะเดินทางของเจ้าชาย ให้สัมภาษณ์กับฮิมาลายันไทม์สว่า หลังทำการกักตัวครบ 7 วันแล้ว เจ้าชายและคณะจะเดินทางไปที่ชุมนูร์บี (Chumnurbi) ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตกุรข่า และจะแจกวัคซีนแอสตราเซเนกาจำนวน 2,000 โดสให้ประชาชนในหมู่บ้านซามาเกาน์ (Samaguan) ก่อนจะเดินทางต่อไปพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการยาแห่งเนปาลได้เริ่มตรวจสอบการนำเข้าวัคซีนของเจ้าชายว่าเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่
“เราเริ่มสอบสวนอย่างเป็นทางการแล้วว่าวัคซีนเหล่านี้ถูกนำเข้ามาสู่เนปาลด้วยวิธีใด” โฆษกของสำนักงานคณะกรรมการยาให้สัมภาษณ์กับบีบีซีเนปาล “กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการยาแห่งเนปาลไม่ได้รับแจ้งมาก่อนว่าจะมีการนำเข้าวัคซีน เราเพียงทราบว่าคณะของเจ้าชายเดินทางมาถึงเมื่อค่ำวานนี้ และได้ยินว่าพวกเขามีวัคซีนมาด้วย 2,000 โดส”
การนำยาทุกประเภทเข้าไปยังเนปาลนั้น ผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตอย่างถูกต้อง และให้การรับรองว่ามีวิธีที่จะเก็บรักษายาอย่างเหมาะสม
รัฐบาลเนปาลเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเน้นไปที่พลเมืองกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ที่มา : BBC
