เอพี - รัฐบาลศรีลังกาเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) เตรียมสั่งให้ผ้าคลุมศีรษะหญิงมุสลิมแบบปกปิดทั้งตัวที่เรียกว่า “บูร์กา” นั้นผิดกฎหมาย รวมไปถึงจะทำการสั่งปิดโรงเรียนสอนศาสนาทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 1,000 แห่ง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงประเทศ
เอพีรายงานเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) ว่า รัฐมนตรีมหาดไทยศรีลังกา สารัฐ วีระเสกราช (Sarath Weerasekara) แถลงว่า เขาได้ลงนามในหนังสือสั่งการวันศุกร์ (12) เพื่อร้องขอคำอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีศรีลังกา เพื่อออกคำสั่งให้ผ้าคลุมศีรษะหญิงมุสลิม บูร์กา (Burqas) นั้นผิดกฎหมาย
“ผ้าคลุมศีรษะบูร์กานั้นมีผลกระทบโดยตรงกับความมั่นคงชาติ” วีระเสกราช ชี้แจงระหว่างร่วมงานทางพุทธศาสนาที่วัดแห่งหนึ่งในศรีลังกาวันเสาร์ (13)
และชี้ต่อว่า “ในช่วงแรกนั้นเรามีเพื่อนชาวมุสลิมจำนวนมาก แต่สตรีมุสลิมและเด็กหญิงชาวมุสลิมเหล่านั้นไม่ได้สวมผ้าคลุมศีรษะบูร์กา”
การแถลงทางวิดีโอคลิปของเขาถูกเผยแพร่โดยกระทรวงมหาดไทยศรีลังกา ซึ่งรัฐมนตรีมหาดไทยศรีลังกายืนยันว่า “นี่เป็นสัญญาณความรุนแรงทางศาสนาได้เดินทางมาถึงประเทศเราเมื่อไม่นานมานี้ พวกเราต้องประกาศแบนอย่างสิ้นเชิง”
เอพีรายงานว่า การสวมบูร์กาถูกสั่งห้ามชั่วคราวในปี 2019 หลังเกิดเหตุก่อการร้ายวันอีสเตอร์ที่โบสถ์และโรงแรมชื่อดังและทำให้มีเหยื่อผู้เสียชีวิตมากถึง 260 คน โดยมีกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง 2 คน ในศรีลังกาที่ประกาศจงรักภักดีต่อกลุ่มก่อการร้าย IS ในตะวันออกกลางถูกระบุว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี 6 จุดพร้อมกัน ซึ่งเป็นโบสถ์คาทอลิก 2 แห่ง โบสถ์โปรเตสแตนท์ 1 แห่ง และโรงแรมระดับหรูอีก 3 แห่ง
นอกจากนี้ สารัฐ วีระเสกราช ยังกล่าวต่อว่า รัฐบาลศรีลังกาวางแผนที่จะสั่งปิดโรงเรียนสอนศาสนาอีกกว่า 1,000 แห่ง โดยชี้ว่าโรงเรียนเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและไม่ได้ดำเนินการสอนตามนโยบายการศึกษาแห่งชาติของศรีลังกา ทั้งนี้ ประชากรมุสลิมในศรีลังกาคิดเป็นสัดส่วน 9% จากประชากรทั้งหมด 22 ล้านคนในศรีลังกา ขณะที่ประชากรชาวพุทธคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของประเทศ ส่วนชนกลุ่มน้อย ทมิฬ ซึ่งเป็นชาวฮินดู คิดเป็น 15% ของศรีลังกา