เกิดเหตุโดรนโจมตีท่าน้ำมันแห่งหนึ่งของซาอุดีอาระเบีย และขีปนาวุธลูกหนึ่งเล็งเป้าเล่นงานโรงงานของยักษ์ใหญ่ทางพลังงาน "อารัมโก" ทางภาคตะวันออกของประเทศในวันอาทิตย์(7มี.ค.) แต่ยิงสกัดไว้ได้ทัน จากการเปิดเผยของกระทรวงพลังงาน
กระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบียเปิดเผยถ้อยแถลงผ่านทางสำนักข่าวซาอุดีเพรส สื่อมวลชนแห่งรัฐ ระบุว่า "หนึ่งในพื้นที่ถังปิโตรเลียมบริเวณท่าเรือรัสทานูรา ในแคว้นตะวันออก หนึ่งในเมืองท่าน้ำมันใหญ่ที่สุดในโลก ถูกโจมตีในตอนเช้าวันนี้ โดยโดรนลำหนึ่งที่บินมาจากทะเล"
จากนั้นต่อมาในวันเดียวกัน "ชิ้นส่วนแหลมคมของขีปนาวุธตกใกล้กับพื้นที่ชุมชนของอารัมโดในเมืองดาห์ราน ซึ่งมีพนักงานและครอบครัวหลากหลายสัญชาติจำนวนหลายพันคนพักอาศัยอยู่" ถ้อยแถลงระบุ
ถ้อยแถลงในเวลาต่อมา กระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียระบุต่อว่า "โดรนที่โจมตีมาจากทะเลถูกทำลายและโดนยิงตกก่อนถึงเป้าหมาย ส่วนขีปนาวุธที่เล็งเป้าเล่นงานโรงงานของอารัมโกในดาห์รานก็ถูกทำลายเช่นกัน" พร้อมบอกว่าชิ้นส่วนมีคมของขีปนาวุธตกใกล้กับสิ่งปลูกสร้างพลเรือน
กะทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียยังบอกด้วยว่าเหตุโจมตีทั้ง 2 เป็นการเล่นงานกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจโลก อุปทานน้ำมันและความมั่นคงทางพลังงานของโลก
ไม่มีรายงานเกี่ยวกับความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ และไม่มีกลุ่มใดออกถ้อยแถลงแสดงความรับผิดชอบอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีดังกล่าว
อย่างไรก็ตามกบฏฮูตีของเยเมน อ้างบนทวิตเตอร์ว่าพวกเขายิงโดรนและขีปนาวุธใส่รัสทานูราและเป้าหมายทางทหารในพื้นที่ดัมมาม ซึ่งอยู่ใกล้กับดาห์ราน
ก่อนหน้านั้นในวันอาทิตย์(7มี.ค.) พันธมิตรทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ยกระดับโจมตีทางอากาศในกรุงซานา ประเทศเยเมน ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏฮูตี หลังสามารถสกัดโดรนและขีปนาวุธที่ยิงออกมาเป็นชุดๆ จากฝีมือของพวกกบฏกลุ่มนี้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
เหตุการณ์ล่าสุดนับเป็นสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายระลอกใหม่ในสงครามเยเมนที่ยืดเยื้อมานาน 6 ปี ระหว่างรัฐบาลเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย กับกลุ่มกฏฮูตี แม้สหรัฐฯพยายามผลักดันให้สองฝ่ายยุติความเป็นปรปักษ์ต่อกัน
(ที่มา:เอเอฟพี)