ศาลสูงมาเลเซียตัดสินให้หนุ่มเกย์คนหนึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีความในวันนี้ (25 ก.พ.) หลังยื่นอุทธรณ์กฎหมายอิสลามที่ห้าม “การมีเพศสัมพันธ์แบบผิดธรรมชาติ” นับเป็นชัยชนะทางกฎหมายที่ช่วยจุดประกายความหวังเรื่องสิทธิของคนรักร่วมเพศในแดนเสือเหลือง
ชายมุสลิมวัย 36 ปีซึ่งไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลหลังจากที่เขาถูกจับที่รัฐสลังงอร์เมื่อปี 2018 ฐานพยายามมีเพศสัมพันธ์แบบ “เกย์เซ็กซ์” ซึ่งเจ้าตัวยืนกรานปฏิเสธ
ทั้งนี้ การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างคนเพศเดียวกันถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในมาเลเซียซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถืออิสลาม แม้ที่ผ่านมาแทบไม่เคยมีใครถูกตัดสินลงโทษจริงๆ ก็ตาม
มาเลเซียประกอบด้วย 13 รัฐ และมีกฎหมาย 2 ระบบ ได้แก่ กฎหมายลายลักษณ์อักษร (civil laws) และกฎหมายอิสลามที่ว่าด้วยความผิดทางอาญาและครอบครัว ซึ่งจะถูกบังคับใช้กับชาวมุสลิมเท่านั้น
นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBT+ มองว่า กฎหมายอิสลามหรือ “ชารีอะห์” กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือเล่นงานชุมชนเกย์ในมาเลเซียมากขึ้น โดยมีจำนวนผู้ถูกจับกุมและลงโทษด้วยการเฆี่ยนและจำคุกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดมาเลเซียมีคำตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์ในวันนี้ (25) ว่า หลักกฎหมายชารีอะห์ที่ใช้ในรัฐสลังงอร์นั้น “ขัดต่อรัฐธรรมนูญ” และฝ่ายบริหารท้องถิ่นไม่มีอำนาจที่จะบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
“นี่คือคำตัดสินครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ ในแง่ของสิทธิ LGBT+ ในมาเลเซีย” นูมาน อาฟีฟี ประธานกลุ่ม Pelangi Campaign ซึ่งรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิ LGBT+ ระบุ
นูมาน ยังเรียกร้องให้รัฐสลังงอร์ยกเลิกมาตราที่ 28 ของกฎหมาย Syariah Criminal Offences (Selangor Enactment) ที่ออกในปี 1995 เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับรัฐอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม มาเลเซียยังมีกฎหมายอาญามาตรา 377 ที่ใช้มาตั้งแต่ยุคอาณานิคม ซึ่งกำหนดระวางโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี สำหรับการมีเซ็กซ์ทางทวารหนัก
“เราต้องการใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีโดยไม่ต้องกลัวถูกลงโทษ แน่นอนว่ามาตรา 377 ยังอยู่ ฉะนั้นมันยังไม่ใช่จุดจบเสียทีเดียว แต่อย่างน้อยวันนี้ก็คือจุดเริ่มต้น” นูมาน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
หนุ่มมุสลิมได้อุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดว่า รัฐสลังงอร์ไม่มีสิทธิที่จะใช้กฎหมายอิสลามเอาผิดการมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติ เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจทับซ้อนกับประมวลกฎหมายอาญาของประเทศซึ่งกำหนดให้เกย์เซ็กซ์เป็นความผิดอาญาอยู่แล้ว
คณะผู้พิพากษามองว่าข้อโต้แย้งนี้มีน้ำหนักเพียงพอ และตัดสินว่าคำสั่งลงโทษของสภาศาสนาอิสลามแห่งรัฐสลังงอร์ “ละเมิดข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ”
ชายคนนี้เป็น 1 ใน 11 คนที่ถูกจับกุมในข้อหาพยายามมีเซ็กซ์ทางทวารหนัก ระหว่างที่ตำรวจศาสนาบุกเข้าตรวจค้นบ้านส่วนตัวหลังหนึ่ง
ผู้ต้องหา 5 คนยอมรับสารภาพ และถูกตัดสินจำคุก, เฆี่ยน และสั่งปรับเมื่อปี 2019 ซึ่งเรียกเสียงวิจารณ์อย่างรุนแรงจากนักสิทธิมนุษยชนที่มองว่าคำตัดสินเช่นนี้สร้าง “บรรยากาศแห่งความกลัว” ต่อชาว LGBT+
ย้อนไปเมื่อปี 2018 หญิง 2 คนในรัฐตรังกานูก็ถูกสั่งเฆี่ยนในความผิดฐานพยายามมีเซ็กซ์แบบเลสเบี้ยน และในปีเดียวกันก็มีหญิงข้ามเพศคนหนึ่งถูกทำร้ายร่างกาย
(ที่มา : รอยเตอร์, New Straits Times)