ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ตัดสินเปิดทางให้อัยการนิวยอร์กสามารถขอเข้าถึงเอกสารด้านภาษีและข้อมูลทางการเงินของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสอบสวนทางอาญา
คำตัดสินนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางคดีความอีกครั้งหนึ่งสำหรับ ทรัมป์ ซึ่งพยายามต่อสู้ในทางกฎหมายเพื่อปกปิดข้อมูลทางการเงินของตนเองมาโดยตลอด
อดีตประธานาธิบดีวัย 74 ปี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดเพื่อขอยับยั้งคำสั่งศาลชั้นรองเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่สั่งให้บริษัท Mazars USA ซึ่งเป็นผู้ดูแลบัญชีให้กับ ทรัมป์ มาอย่างยาวนาน ต้องส่งมอบบันทึกทางการเงินของอดีตผู้นำสหรัฐฯ แก่คณะลูกขุนใหญ่ซึ่งแต่งตั้งโดย ไซรัส แวนซ์ อัยการแขวงแมนฮัตตัน
“งานยังคงดำเนินต่อไป” แวนซ์ ระบุในถ้อยแถลง หลังจากที่ศาลสูงสุดมีคำตัดสินออกมาเมื่อวันจันทร์ (22 ก.พ.)
ทรัมป์ ออกมาประณามการสอบสวนของ แวนซ์ ว่าเป็น “ส่วนหนึ่งของการล่าแม่มดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน” พร้อมกล่าวหาสมาชิกพรรคเดโมแครตในนิวยอร์กว่าเอาแต่ไล่ล่าศัตรูทางการเมือง แทนที่จะเอาเวลาไปทุ่มเทให้กับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมความรุนแรงต่างๆ
“มันไม่ใช่ความยุติธรรม แต่เป็นลัทธิฟาสซิสต์ และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาพยายามกระทำต่อผม เว้นเสียแต่ว่าประชาชนของเราจะไม่มีวันยอม” ทรัมป์ กล่าว
ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลสูงสุดไม่ได้กำหนดให้ ทรัมป์ ต้องดำเนินการใดๆ เนื่องจากบันทึกทางการเงินเหล่านั้นถูกเรียกจาก Mazars ไม่ใช่ตัว ทรัมป์ เอง ในขณะที่ แวนซ์ ก็ได้แจ้งให้ทีมทนายของทรัมป์ทราบแล้วว่า สำนักงานของเขาจะบังคับใช้หมายเรียกทันทีที่ศาลสูงสุดปฏิเสธคำร้องของทรัมป์
ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลการเสียภาษีของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนๆ โดยข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงสถานะความร่ำรวย รวมไปถึงธุรกรรมต่างๆ ของ “ทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น” ซึ่งเป็นกิจการอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวทรัมป์ด้วย
ทรัมป์ ซึ่งพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งให้แก่ โจ ไบเดน เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ปีที่แล้วยังถูกฟ้องร้องทางแพ่งและอาญาอีกหลายคดี โดยมีทั้งที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ และพฤติกรรมส่วนตัวของเขาเอง
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สออกมาแฉข้อมูลเมื่อปีที่แล้วว่า ทรัมป์ เสียภาษีเงินได้แค่ 750 ดอลลาร์ (ประมาณ 23,000 บาท) ในปี 2016 และ 2017 และหากสำรวจย้อนไป 15 ปีก่อนหน้านั้นก็พบว่ามีอยู่ 10 ปีที่เขาไม่ได้เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว โดยอ้างว่าตนเองประกอบธุรกิจขาดทุน
ที่มา: รอยเตอร์