ยอมรับ “พ่ายแพ้” ในการเปิดศึกชุมนุมประท้วงกันตามท้องถนนแล้วในเวลานี้ ผู้นำฝ่ายค้านของเบลารุส ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยอยู่นอกประเทศกล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ (20 ก.พ.) แต่ยังเชื่อว่าประชาธิปไตยในประเทศอดีตสาธารณรัฐโซเวียตแห่งนี้ จะต้องมาถึงสักวันหนึ่งข้างหน้า
สเวตลานา ติคานอฟสกายา ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ เลอ ตอง ของฝรั่งเศส คราวนี้ ก่อนหน้าการเดินทางไปยังสวิตเซอร์แลนด์ตามแผนการที่วางไว้ โดยเธอต้องการจะไปล็อบบี้พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ ณ ประเทศดังกล่าวให้อายัดทรัพย์สินต่างๆ ของ อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีจอมเผด็จการของเบลารุส
แต่เธอยอมรับว่ากลุ่มพลังฝ่ายค้านได้ปราชัยแล้วในการต่อสู้กันตามท้องถนน “เราไม่ได้มีเครื่องมือต่างๆ สำหรับการสู้รบกับความรุนแรงซึ่งระบอบปกครองใช้มาเล่นงานพวกผู้เดินขบวนต่อต้าน” เธอกล่าว
“พวกเขามีอาวุธ พวกเขามีกองกำลัง ดังนั้นจึง ใช่แล้ว สำหรับขณะนี้ดูเหมือนว่าเราประสบความพายแพ้” เธอบอก
“การหวนกลับคืนสู่ประชาธิปไตยจะต้องใช้เวลายาวนานกว่าที่ได้วางแผนกันไว้” เธอกล่าวต่อ
เบลารุสเกิดกระแสชุมนุมเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอยู่เป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งปะทุขึ้นหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ที่ฝ่ายค้านพากันประณามว่าถูกโกง ขณะที่ ลูคาเชนโค อ้างว่าเขาคือผู้ชนะและขึ้นครองอำนาจต่อเป็นสมัยที่ 6
พวกฝ่ายค้าพากันบอกว่า มีการโกงเลือกตั้งด้วยวิธีต่างๆ โดยผู้ที่ชนะตัวจริงคือ ติคานอฟสกายา ซึ่งเป็นน้องใหม่ทางการเมืองที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนที่สามีของเธอ ผู้ถูก ลูคาเชนโค หาเรื่องจับเข้าคุก
ทว่ากองกำลังความมั่นคงของเบลารุสได้ใช้วิธีการปราบปรามอย่างดุดันรุนแรงมาเล่นงานการประท้วง จับกุมคุมขังพวกผู้เดินขบวน และกดดันให้พวกผู้นำฝ่ายค้านต้องหลบหนีไปลี้ภัยในต่างแดน
ไม่มีหนทางแก้ไขปัญหากันได้อย่างรวดเร็ว
“ในเบลารุส ประชาชนต้องการมองเห็นแสงสว่างแห่งความหวังที่ปลายอุโมงค์ ต้องการที่จะคิดฝันถึงวันเวลาซึ่ง ในท้ายที่สุดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีงาม และเนื่องจากพวกเขากำลังหวังที่จะสามารถแก้ไขปัญหากันได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาเวลานี้จึงคาดหวังว่าจะมีแผนการที่สามารถสร้างความมหัศจรรย์ .. แต่แผนการแบบนั้นมันไม่ได้มีอยู่จริงหรอก” เธอบอกกับหนังสือพิมพ์ เลอ ตอง
ตรงกันข้าม ติคานอฟสกายา เรียกร้องชาวเบลารุสให้ร่วมกันสร้างโครงสร้างต่างๆ ขึ้นมา สำหรับ “การต่อสู้ของวันพรุ่งนี้” ถึงแม้มีความรู้สึกเหน็ดหน่ายอ่อนเพลีย และหวาดกลัวก็ตามที
“ยุทธศาสตร์ของเราคือจะต้องจัดระเบียบพวกเราเองให้ดีขึ้นกว่านี้ ต้องทำให้ระบอบปกครองตกอยู่ใต้แรงบีบคั้นไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งถึงช่วงขณะที่ประชาชนจะพรักพร้อมอีกครั้งสำหรับกลับออกมาสู่ท้องถนน บางทีอาจจะในฤดูใบไม้ผลินี้แหละ” เธอกล่าว
แต่เธอเน้นย้ำว่า จำเป็นที่จะต้องเป็นการปฏิวัติอย่างสันติ พร้อมกับบอกต่อไปว่าเธอไม่ได้รู้สึกว่าเธอสามารถเรียกร้องให้ชาวเบลารุสพาตัวพวกเขาเองเข้าสู่อันตรายได้
ติคานอฟสกายา ขณะนี้ตั้งฐานอยู่ในลิทัวเนีย ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ประชิดกับเบลารุส แต่เนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ สืบเนื่องจากมาตรการป้องกันโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เธอจึงจะเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ในเดือนมีนาคมนี้
ณ ที่นั้น เธอหวังว่าจะได้เข้าพบกับ มิเชลล์ บาเชเลต ข้าหลวงใหญ่ฝ่ายสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ ยูเอ็น นครเจนีวา เพื่อปรึกษาหารือถึงวิธีการต่างๆ ในการ “ฟื้นฟูความยุติธรรม” ในประเทศของเธอ
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว บาเชเลตได้ประณามสถานการณ์ด้านสิทธิในเบลารุสซึ่งกำลังเสื่อมทรามเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ในคำปราศรัยที่เธอกล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
เธอได้อ้างอิงถึงรายงานหลายฉบับที่ระบุว่า มีผู้คนกว่า 27,000 คนถูกจับกุมนับตั้งแต่การเลือกตั้งในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งก็รวมถึงพวกพลเมืองวัยอาวุโสจำนวนหนึ่งที่เข้าร่วมการประท้วงอย่างสันติ
คณะมนตรีมีกำหนดประชุมกันอีกครั้งในวันพฤหัสบดี (25) เพื่อพิจารณาสถานการณ์ในเบลารุส โดยที่รายงานเกี่ยวกับประเทศในยุโรปตะวันออกแห่งนี้ของบาเชเลต ก็มีกำหนดนำออกเผยแพร่ในวันดังกล่าว