วัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถูกฉีดให้กับประชากรโลกแล้วกว่า 200 ล้านโดสในอย่างน้อย 107 ประเทศและอาณาเขต อ้างจากข้อมูลของเอเอฟพีตามแหล่งข่าวอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ (20)
นับจนถึงเวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย วัดซีนถูกฉีดไปแล้วทั้งหมด 201,042,149 โดส ตัวเลขนี้ไม่ได้รวมข้อมูลล่าสุดจากจีนและรัสเซีย ซึ่งไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลความคืบหน้ามาหลายวันแล้ว
ราว 45 เปอร์เซ็นต์ของการฉีดวัคซีนเกิดขึ้นในประเทศที่เป็นสมาชิกกลุ่ม จี7 ซึ่งคิดชาติสมาชิกทั้งหมดคิดเป็นเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก
เมื่อวันรศุกร์ (19 )สมาชิก 7 ชาติ ได้แก่ สหรัฐฯ ,แคนาดา ,อังกฤษ ,เยอรมนี ,ฝรั่งเศส ,อิตาลี และญี่ปุ่น สัญญาว่าจะแบ่งปันวัคซีนกับประเทศที่ยากจนกว่าอย่างเป็นธรรม
ผู้นำกลุ่มจี 7 มีแผนที่จะเพิ่มกำลังสนับสนุนการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ทั่วโลกอีกเท่าตัว เป็น 7.5 พันล้านดอลลาร์ รวมทั้งผ่านโครงการโคแว็กขององค์การอนามัยโลก
92 เปอร์เซ็นต์ของวัคซีนถูกฉีดในประเทศที่ธนาคารโลกจัดอยู่ในกลุ่ม "รายได้สูง" หรือ "รายได้ปานกลาง" คิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรโลก
ในหมู่ 29 ประเทศที่ธนาคารโลกจัดอยู่ในกลุ่ม "รายได้ต่ำ" มีเพียงกินีและรวันดาเท่านั้นที่เริ่มการฉีดวัคซีนแล้ว
อิสราเอลก้าวไปไกลกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกจากการที่เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรประเทศได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส หนึ่งในสามของชาวอิสลามได้รับวัคซีนครบสองโดสหรือมีเรียกได้ว่ามีภูมิคุ้มกันอย่างสมบูรณ์แล้ว
ประเทศอื่นที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสให้ประชากรแล้วมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ได้แก่ อังกฤษ (25 เปอร์เซ็นต์) ,บาห์เรน (16 เปอร์เซ็นต์) ,สหรัฐฯ (13 เปอร์เซ็นต์) ,ชิลี (12 เปอร์เซ็นต์) ,เซเชลส์ (43 เปอร์เซ็นต์) และมัลดีฟ (12 เปอร์เซ็นต์)
เมื่อคิดเป็นตัวเลขรายหัว สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้ประชากรมากกว่าประเทศใดในโลก ด้วยจำนวนวัคซีน 59.6 ล้านโดส
จีนฉีดวัคซีนให้ประชากรแล้ว 40.5 ล้านโดสจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ขณะที่อังกฤษอยู่ที่ 17.5 ล้านโดส อินเดีย 10.7 ล้านโดส และอิสราเอล 7.1 ล้านโดส