xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ กลับเข้าร่วม ‘ความตกลงปารีส’ สู้โลกร้อนอย่างเป็นทางการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดี โจ ไบเดน นำสหรัฐอเมริกากลับเข้าร่วมความตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญาว่ารัฐบาลของเขาจะให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ กับการแก้ไขปัญหาโลกร้อน

เพียง 1 เดือนหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ไบเดน ได้นำอเมริกาซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่โตที่สุดและเป็นผู้ปลดปล่อยคาร์บอนอันดับ 2 ของโลก กลับเข้าร่วมความตกลงนานาชาติที่มุ่งรณรงค์ปกป้องโลกใบนี้จากวิกฤตอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

การกลับมาของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ทำให้ความตกลงปารีสกลับมาสมบูรณ์แบบ และมีรัฐภาคีเกือบจะครบทุกประเทศทั่วโลก หลังจากที่รัฐบาลอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างแข็งขันเคยนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยอ้างว่าเงื่อนไขในความตกลงปารีส “ไม่เป็นธรรม” ต่ออเมริกา

ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในเวทีการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิก (Munich Security Conference) ไบเดน ได้เรียกร้องให้พันธมิตรในยุโรปยกระดับความพยายามเป็น 2 เท่าในการต่อสู้ปัญหาความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก

“ในการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เราไม่อาจที่จะประวิงเวลาให้ล่าช้า หรือทำในสิ่งที่เล็กน้อยที่สุดได้อีกต่อไป” ไบเดน กล่าว “นี่คือวิกฤตที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดสากล เราทุกคนจะได้รับผลกระทบจากมัน”

ด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้ว่า “ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและการทูตเชิงวิทยาศาสตร์จะต้องไม่เป็นเพียงแค่ส่วนเสริม (add-ons) ของการเจรจานโยบายต่างประเทศของพวกเราอีกต่อไป”

“นโยบายทั้งในและต่างประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับการรับมือภัยคุกคามจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และการรับฟังคำแนะนำจากนักวิทยาศาสตร์ มันจะเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายทั้งด้านความมั่นคง, ผู้อพยพ, การส่งเสริมสุขภาพนานาชาติ ตลอดจนในการเจรจาด้านเศรษฐกิจและการค้า”

ไบเดน มีแผนที่จะจัดการประชุมซัมมิตสภาพอากาศในวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งตรงกับวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ขณะที่ จอห์น เคร์รี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศในยุค บารัค โอบามา ซึ่งเวลานี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตพิเศษด้านปัญหาสภาพอากาศของสหรัฐฯ ก็เรียกร้องให้ทั่วโลกยกระดับเป้าหมายในการต่อสู้โลกร้อน ระหว่างการประชุมด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ (Glasgow) ของสกอตแลนด์ในเดือน พ.ย. นี้

ไบเดน ให้สัญญาว่าทำให้อุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐฯ “เป็นศูนย์ทางคาร์บอน” ภายในปี 2035 และจะขยายเป้าหมายดังกล่าวให้ครอบคลุมเศรษฐกิจทั้งระบบภายในปี 2050

ความตกลงปารีสกำหนดเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม และจะพยายามไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่ระบุไว้ไม่ได้มีผลบังคับในทางกฎหมาย และแต่ละประเทศมีสิทธิ์ที่จะกำหนดมาตรการของตนเองขึ้นมา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ทั้ง โอบามา และ เคร์รี ให้การสนับสนุน

การรณรงค์แก้ปัญหาโลกร้อนได้รับแรงสนับสนุนทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังปรากฏสัญญาณเด่นชัดขึ้นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเริ่มส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยเมื่อเร็วๆ นี้มีงานวิจัยซึ่งพบว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติอันเกิดจากสภาพอากาศสุดขั้วได้คร่าชีวิตประชากรโลกไปแล้ว 480,000 คนในช่วงศตวรรษนี้

ที่มา: เอเอฟพี
กำลังโหลดความคิดเห็น