เอเจนซีส์ – กยลาเบททดสอบนโยบายการต่างประเทศของผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ต่ออิรักเกิดขึ้นหลังจรวดร่วม 14 ลูกตกใส่ฐานทัพอเมริกันในดินแดนเคิร์ดของอิรัก ทำให้ลูกจ้างพลเรือนต่างชาติเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีก 9 คนป็น
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(16 ก.พ)ว่า ช่วงคืนวันจันทร์(15)พบว่า มีจรวดราว 14 ลูกถูกยิงไปฐานที่มั่นกองกำลังสหรัฐฯในเมืองเออร์บิล (Erbil) โดยพยานได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า ดูเหมือนจรวดมาจากทางใต้
และพบว่าจรวด 3 ลูกขนาด107มิลลิเมตรตกลงภายในฐานทัพ ขณะที่ลูกอื่นๆตกอยู่ในเขตชุมชนข้างเคียง ทำให้เสียชีวิต 1 รายเป็นลูกจ้างพลเรือนต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวอเมริกัน ทำให้ทหารสหรัฐฯได้รับบาดเจ็บ 1 นาย รวมไปถึงพลเรือนอิรัก 5 คนได้รับบาดเจ็บเช่นกันซึ่งจากทั้งหมดมี 1 รายอยู่ในขั้นสาหัส
การโจมตีคืนวันจันทร์(15)ถือเป็นการโจมตีครั้งร้ายแรงที่สุดในระยะเวลาเกือบปีต่อสหรัฐฯซึ่งเป็นแกนนำต่อต้านก่อการร้าย IS ในอิรัก ขณะที่ในสมัยอดีตผู้นำสหรัฐฯคนก่อนมีความตรึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ พันธมิตรแบกแดด กลุ่มกองกำลังเคิร์ด ที่มีต่อกองกำลังติดอาวุธภายใต้การสนับสนุนของเตหะรานในช่วงเวลาที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่าน
ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา กองกำลังชาติตะวันตกและที่ตั้งทางการทูตถูกโจมตีด้วยจรวดคัตยูชา( Katyusha) ระเบิดข้างถนน และฝ่ายวอชิงตันได้ออกมาประณามว่าเป็นฝีมือของกองกำลังกึ่งทหารที่สนับสนุนอิหร่าน
โดยเหตุโจมตีส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่กรุงแบกแดด โดยกลุ่มติดอาวุธชีอะห์ที่เรียกตัวเองว่า ผู้พิทักษ์แห่งเลือด หรือ ซารายา เอาลียา อัล-ดาม (Saraya Awliya al-Dam) ออกมาอ้างความรับผิดชอบการโจมตีเออร์บิลที่น้อยครั้งที่จะเกิด
เตหะรานในวันอังคาร(16)ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำใดๆที่เป็นปฎิปักษ์ต่อกองกำลังความมั่นคงอิรัก พร้อมกับปฎิเสธคำบ่งชี้ใดๆจากเจ้าหน้าที่อิรักที่ระบุว่า การโจตีมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้พิทักษ์แห่งเลือด
สื่ออังกฤษชี้ว่า ทรัมป์เคยขีดเส้นตายว่า การเสียชีวิตครั้งใหม่ของพลเรือนสหรัฐฯจะถือเป็นเส้นตายในการลุกคืบของสหรัฐฯในอิรักทำให้การโจมตีฐานทัพสหรัฐฯที่เมืองเออร์บิลล่าสุดทำให้รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตกที่นั่งลำบากในการตัดสินใจ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯคนใหม่มาจากพรรคเดโมแครตในเวลานี้กำลังหาทางที่จะฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีอิรัก บาร์ฮัม ซาลีห์ (Barham Salih) กล่าวผ่านแถลงการณ์ที่ถูกโพสต์ทางออนไลน์ว่า “เป็นการยกระดับที่น่ากลัว” ส่วนนายกรัฐมนตรีเคอร์ดิสถานออกมาประณามด้วยถ้อยคำที่แรงที่สุด และเจ้าหน้าที่เคอร์ดิสถานออกคำสั่งปิดสนามบินเออร์บิล พร้อมออกคำเตือนประชาชนให้อยู่แต่ในที่พัก
ทั้งนี้ในเช้าวันอังคาร(16)กลุ่มติดอาวุธซารายา เอาลียา อัล-ดาม แถลงจะเพิ่มการโจมตีต่อกองกำลังสหรัฐฯ “อเมริกันผู้เข้าครอบครองจะไม่มวันปลอดภัยจากการโจมตีของเราในทุกตารางนิ้วของแผ่นดินบ้านเกิด แม้กระทั่งในเคอร์ดิสถานที่ทางเราให้สัญญาจะออกการโจมตีอย่างหนักหน่วงมากขึ้น”
ด้านผู้เชี่ยวชาญออกมาชี้ว่า กลุ่มติดอาวุธที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีน่าจะเป็น Asa’ib Ahl al-Haq ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับชี้ว่า การโจมตีอาจจะถือเป็นการทดสอบไบเดนจากทางเตหะราน ซึ่งในเวลานี้ทุกฝ่ายกำลังจับจ้องไปที่ทำเนียบขาวชุดใหม่