ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประกาศวานนี้ (10 ก.พ.) ว่ากระทรวงกลาโหมจะเริ่มทบทวนยุทธศาสตร์ที่มีต่อจีนในแง่มุมสำคัญๆ เช่น ข่าวกรอง, เทคโนโลยี รวมไปถึงกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
การทบทวนยุทธศาสตร์ครั้งนี้จะเกิดขึ้นควบคู่กับการทบทวนนโยบายด้านอื่นๆ ที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังดำเนินการอยู่ เช่น การคงทหารอเมริกันในภูมิภาคตะวันออกกลาง และนโยบายต่อนาโต เป็นต้น
สหรัฐฯ และจีนมีข้อบาดหมางกันอยู่ในหลายประเด็น ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยีไปจนถึงกิจกรรมทางทหารของจีนในทะเลจีนใต้ โดยต่างฝ่ายต่างก็กล่าวหาซึ่งกันและกันว่าจงใจแสดงพฤติกรรมยั่วยุ
กระทรวงกลาโหมในยุคของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยกให้การต่อต้านอิทธิพลจีนเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ ซึ่ง ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ก็ส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ จะยังคงเดินหน้านโยบายเช่นนี้ต่อไป
ในการเยือนตึกเพนตากอนครั้งแรกหลังจากสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ไบเดน ระบุว่าตนได้รับรายงานสรุปจาก ออสติน เกี่ยวกับการจัดตั้งคณะทำงานชุดใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่ศึกษายุทธศาสตร์ด้านการทหารในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจีนโดยเฉพาะ
ผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับว่า กิจการที่เกี่ยวข้องกับจีนนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ รวมถึงการสนับสนุนจากทั้ง 2 พรรคการเมืองในสภาคองเกรส และพันธมิตรที่เข้มแข็ง
“นั่นคือวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถรับมือความท้าทายจากจีนได้” ไบเดน ระบุ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งเปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมจะตั้งคณะทำงาน 15 คนเพื่อทบทวนยุทธศาสตร์และเสนอคำแนะนำต่างๆ แก่รัฐบาลภายในระยะเวลา 4 เดือน
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ 2 หมู่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบในทะเลจีนใต้ ซึ่งทำให้จีนได้ทีประณามสหรัฐฯ ว่าทำตัวบั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
สหรัฐฯ ท้าทายความพยายามของจีนที่จะอ้างอธิปไตยเหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้ และยังกล่าวหาปักกิ่งว่าจงใจเสริมกำลังทหารในน่านน้ำแถบนี้เพื่อข่มขู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย, เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งอ้างกรรมสิทธิ์เหนือท้องทะเลและหมู่เกาะบางแห่งทับซ้อนกับจีน
อย่างก็ตาม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกองกำลังจีนและสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้ยังคงยึดหลักความปลอดภัยและความเป็นมืออาชีพ
ที่มา: รอยเตอร์