น้ำมันขึ้น-ทองฟื้น หุ้นสหรัฐฯ ปิดแคบแม้ได้แรงหนุนกลุ่มเทคโนโลยี

ราคาน้ำมันขยับขึ้นเกือบ 2% ในวันพุธ (3 ก.พ.) หลังข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ พบคลังปิโตรเลียมสำรองลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ส่วนวอลล์สตรีทผสมผสานแม้ได้แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำฟื้นตัวพอสมควร

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 93 เซ็นต์ ปิดที่ 55.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

รายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ ในวันพุธ (3 ก.พ) พบคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงเหลือ 475.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีก่อน ขณะที่อัตราการแปรรูปของโรงกลั่น เพิ่มขึ้น 0.6%

นอกจากนี้แล้ว ตลาดยังได้แรงนุนจากความเคลื่อนไหวของโอเปกและพันธมิตร หรือที่เรียกว่าโอเปกพลัส ซึ่งในวันพุธ (3 ก.พ.) เห็นพ้องคงนโยบายลดกำลังผลิตไว้ตามเดิม

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (3 ก.พ) แกว่งตัวขึ้นในช่วงบ่ายของการซื้อขาย จนปิดในกรอบแคบๆ ได้แรงหนุนจากหุ้นอัลฟาเบ็ต บริษัทแม่ของกูเกิล หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสแข็งแกร่ง

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 36.12 จุด (0.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 30,723.60 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.86 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,830.17 จุด แนสแดค ลดลง 2.23 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,610.54 จุด

หุ้นของอัลฟาเบ็ต ปรับขึ้นราวๆ 9% จากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง หลังได้ประโยชน์จากมาตรการล็อกดาน์ ที่ขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ และโฆษณาออนไลน์อื่นๆ

เกมสต็อป (GameStop) ขยับขึ้นราวๆ 14% ฟื้นตัวกลับขึ้นมา หลังจากสูญเสียมูลค่าหุ้นไปเกือบครึ่งเมื่อวันอังคาร (2 ก.พ.) หลังจากซื้อขายขึ้นลงอย่างหวือหวามาตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว

เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กำลังเรียกประชุมระดับสูงในสัปดาห์นี้ ในนั้นรวมถึงจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) และธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับความผันผวนของตลาด อันเนื่องจากสงครามระหว่างพวกนักลงทุนรายย่อยกับเหล่ากองทุนเฮดจ์ฟันด์วอลล์สตรีทในหุ้นของเกมสต็อปและอื่นๆ

ส่วนราคาทองคำในวันพุธ (3 ก.พ.) ปิดบวกเล็กน้อย ฟื้นตัวจากขยับลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,835.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา : รอยเตอร์)