xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามตั้งเป้า 5 ปีต่อไปเศรษฐกิจเติบโต 6.5-7% ดันประเทศจากแหล่งแรงงานราคาถูก เป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เหวียน ฝู จ่อง ผู้เพิ่งได้รับเลือกจากสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ให้เป็นเลขาธิการใหญ่ของพรรคต่อเป็นสมัยที่ 3 กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวในระหว่างการประชุมแถลงข่าวช่วงสิ้นสุดการประชุมสมัชชา ที่กรุงฮานอย เมื่อวันจันทร์ (1 ก.พ.)
เวียดนามประกาศตั้งเป้าเร่งความเร็วอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจของตนในช่วง 5 ปีข้างหน้า รวมทั้งยกระดับจากการเป็นแหล่งผลิตอุตสาหกรรมที่มีแรงงานราคาถูก ขึ้นเป็นศูนย์กลางทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้ โดยอาศัยข้อตกลงการค้าเสรีที่ไปทำไว้กับชาติต่างๆ, ความสำเร็จในการคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19, การเร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจ, รวมทั้งผลพลอยได้จากศึกการค้าสหรัฐฯ-จีน

ในสภาพที่มีทั้งข้อตกลงการค้าเสรีหลายๆ ฉบับซึ่งเวียดนามทำไว้กับชาติต่างๆ จนทำให้พวกเพื่อนบ้านในภูมิภาคพากันอิจฉา รวมทั้งการที่โรงงานต่างๆ จำนวนมากขึ้นพากันโยกย้ายมาจากจีน สืบเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ พรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งเป็นผู้ปกครองเวียดนามได้อนุมัติรับรองอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ (1 ก.พ.) ให้ผลักดันเพิ่มอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจจากระดับปีละ 6% เมื่อช่วงก่อนหน้าโรคระบาดใหญ่ ไปเป็นระหว่าง 6.5% ถึง 7.0% ในระยะ 5 ปีนับจากปี 2021 ถึง 2015

นอกจากนั้น พิมพ์เขียวแผนการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามซึ่งผ่านการรับรองจากที่ประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคราวนี้ ระบุด้วยว่า จะส่งเสริมบทบาทของเวียดนามในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญของพวกบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก อย่างเช่น ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และอินเทล แต่เวลาเดียวกันนั้นพรรคก็ตั้งเป้าที่จะให้เวียดนามยกระดับจากการเป็นจุดหมายปลายทางแรงงานต้นทุนต่ำ ขึ้นไปเป็นศูนย์กลางทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ทั้งนี้ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามแถลงว่า จากการที่มีข้อตกลงการค้าเสรีอยู่ในมือมากกว่า 10 ฉบับ เวียดนามมีจุดมุ่งหมายที่จะขยายและกระจายตลาดส่งออกให้หลากหลายมากขึ้น

ขณะเดียวกัน เวียดนามยังได้ประโยชน์จากจีนและสหรัฐฯ ทำสงครามการค้ากัน จนทำให้ได้พวกผู้ผลิตอุตสาหกรรมของชาติตะวันตกจำนวนมากขึ้นๆ มองหาช่องทางย้ายการผลิตออกจากจีน โดยที่เวียดนามคือตัวเลือกที่ได้รับความนิยม

ในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (1) หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสมัชชาพรรค เหวียน ฝู จ่อง ผู้ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการใหญ่ของพรรคเป็นสมัยที่ 3 เมื่อวันอาทิตย์ (31 ม.ค.) กล่าวว่า เวียดนามมุ่งที่จะกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างเต็มตัวภายในปี 2045 ขณะเดียวกันก็จะดำเนินการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่องต่อไป

สำหรับเป้าหมายการเติบโตทางเศรษบกิจอันสูงลิ่วสำหรับช่วงปี 2021-2025 นี้ ออกมาในเวลาเดียวกับที่เวียดนามค่อยๆ ฟื้นตัวจากการเผชิญช่วงเลวร้ายที่สุดของการระบาดของโควิด-19 ในรอบเวลาเกือบ 2 เดือน ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจว่าความสำเร็จในอนาคต อย่างน้อยที่สุดก็ในระยะสั้นนั้น จะขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส

อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.9% ซึ่งอาจเป็นเรื่องน่ายินดีแล้วสำหรับประเทศจำนวนมากทั่วโลก ทว่ากลับถือเป็นปีย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษสำหรับเวียดนาม สืบเนื่องจากต้องรับผลจากมาตรการการกักตัวที่เข้มงวด การปิดพรมแดน ตลอดจนมาตรการอื่นๆ ในการต่อต้านไวรัส

แต่แม้เจอโรคระบาดใหญ่ ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา กิจการในเครือของบริษัท ฟ็อกซ์คอนน์ เทคโนโลยี จากไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้รับจ้างผลิตรายสำคัญของบริษัท แอปเปิล อิงก์ ก็มายื่นข้อและได้รับใบอนุญาตการลงทุนจากเวียดนามเป็นมูลค่า 270 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ บริษัทกำลังย้ายฐานสำหรับการประกอบเครื่อง iPad และ MacBook ออกมาจากจีน ขณะเดียวกันนั้น อินเทลผู้ผลิตชิปสัญชาติอเมริกันก็แจ้งว่าได้เพิ่มการลงทุนในเวียดนามอีก 475 ล้านดอลลาร์ รวมเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์

ในแผนพิมพ์เขียวทางเศรษฐกิจที่ออกมาจากสมัชชาพรรคคราวนี้ยังระบุว่า เวียดนามจะมุ่งเน้นดำเนินมาตรการ เพื่อทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ของเศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยมสำเร็จสมบูรณ์โดยพื้นฐาน, สามารถจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ตลาด และสังคมได้ดียิ่งขึ้น

พวกนักวิเคราะห์มองว่า นี่คือคำรหัสหมายถึงการที่เวียดนามจะขับเคลื่อนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่องต่อไปอีก ยกเว้นกิจการในแวดวงซึ่งมีความสำคัญด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ

พิมพ์เขียวของพรรคยังกล่าวว่า เรื่องการรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) จะปรับโฟกัสจากเรื่องปริมาณมาที่เรื่องคุณภาพ โดยให้ความสนใจกับเรื่องความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ หลังจากช่วงหลายทศวรรษของการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ต้องการแรงงานมากๆ และไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากนี้ไปเวียดนามจะไม่อนุมัติโครงการที่มีเทคโนโลยีล้าสมัย และเสี่ยงก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม คำแถลงของพรรคระบุ

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเจนซีส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น