รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – หัวเว่ยอยู่ในระหว่างเจรจาเบื้องต้นเตรียม ขายแบรนด์สมาร์ทโฟนตลาดพรีเมียมซีรีส์ P และ Mate แต่ล่าสุดบริษัทออกมาแถลงข่าวปัดไม่เป็นความจริง ขณะที่ว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯคนใหม่ของปธน. โจ ไบเดน วันอังคาร(26 ม.ค)จะใช้มาตรการแข็งกร้าวเพื่อตอบโต้แนวทางปฎิบัติการค้าไม่เป็นธรรมของจีน
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(26 ม.ค)ว่า แหล่งข่าว 2 คนที่ใกล้ชิดได้ให้ข้อมูลว่า ในเวลานี้บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จีน หัวเว่ย กำลังอยู่ในการเจรจาเบื้องต้นเพื่อขายแบรนด์สมาร์ทโฟนตลาดพรีเมียมซีรีส์ P และ Mate
การเจรจาระหว่างหัวเว่ยและกิจการค้าร่วม(consortium)ที่นำโดยกลุ่บริษัทลงทุนที่มีรัฐบาลเซียงไฮ้ให้การสนับสนุนได้ดำเนินมาเป็นเวลาหลายเดือน
รอยเตอร์ชี้ว่า หัวเว่ยหาช่องทางในการที่จะขายโทรศัพท์มือถือตลาดพรีเมียมมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา อ้างอิงจาก 1 ในแหล่งข่าวที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อ
บริษัทที่ปรึกษา IDC พบว่ามูลการจำหน่ายโทรศัพท์ซีรีส์ P และ Mate มีมูลค่าราว 39.7 พันล้านดอลลาร์ระหว่างไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 มาจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2020
แหล่งข่าว 2 คนกล่าวว่า อย่างไรก็ตามดูเหมือนบริษัทหัวเว่ยยังคงต้องทำการตัดสินใจขั้นสุดท้ายสำหรับการขายและการสรุปเจรจาอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทางบริษัทพยายามปลุกปั้นชิปคิรินที่ทางบริษัทคิดค้นขึ้นเองสำหรับใช้ในโทรศัพท์มือถือค่ายหัวเว่ย
อย่างไรก็ตามบริษัทหัวเว่ยได้ออกแถลงการณ์ปฎิเสธในเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง โดยมีใจความว่า “หัวเว่ยได้ทราบมาว่ามีข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงเผยแพร่ไปในทำนองว่าทางบริษัทจะขายแบรนด์เรือธงของทางบริษัทไป” และเสริมว่า “ข่าวลือที่ว่านี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทางหัวเว่ยไม่มีแผนในเรื่องนี้” รอยเตอร์รายงาน
ด้านรัฐบาลเซี่ยงไฮ้กล่าวว่าไม่ทราบถึงสถานการณ์ แต่ไม่ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมในรายละเอียด
ซึ่งข่าวการออกมาขายทิ้งโทรศัพท์แบรนด์พรีเมียมของหัวเว่ยชี้ให้เห็นว่าทางบริษัตั้งความหวังน้อยมากกับรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในการเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดซัพพลายเชนส์สัญชาติอเมริกันที่ตั้งขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อพฤษภาคม ปี2019 แหล่งข่าวใกล้ชิด 2 คนแสดงความเห็น
ทั้งนี้ จีนา เรมอนโด( Gina Raimondo) ว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯคนใหม่ของไบเดนซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐโรดไอแลนด์ออกมาปฎิญาณวันนี้(26)ว่า เธอจะใช้มาตรการแข็งกร้าวเพื่อตอบโต้แนวทางปฎิบัติการค้าไม่เป็นธรรมของจีน
โดยคาดว่าเธอจะขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการทางการค้าประจำสภาสูงสหรัฐฯยืนยันว่า เธอจะบังคับใช้มาตรการแข็ง
กร้าวเพื่อตอบโต้แนวทางปฎิบัติการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีนและจากประเทศอื่นๆที่ตัดราคาแข่งขันกับสหรัฐฯ
และหากว่าเรมอนโดได้รับการรับรองจากสภาคองเกรสให้เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯคนใหม่จริง รอยเตอร์ชี้ว่า เธอจะดำเนินตามแนวทางอดีตรัฐบาลทรัมป์ในความพยายามที่จะห้ามแอป สโตร์ของสหรัฐฯในการอนุญาตให้มีการดาวน์โหลด (TikTok) ติ๊กตอก หรือ Wechat ซึ่งเป็นแอปของจีน
อย่างไรก็ตามในวันจันทร์(25) SEMI ตัวแทนกลุ่มบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไบเดนทำการทบทวนนโยบายข้อกำหนดจำกัดการส่งออกชิปเซมิคอนดักเตอร์ให้กับหัวเว่ยและจีนเนื่องมาจากเหตุผลด้านความมั่นคงชาติ
ซึ่งในจดหมายที่ยื่นถึงเรมอนโด ทาง SEMI เรียกร้องให้แก้ไขกฎเดือนสิงหาคมอย่างรวดเร็ว ซึ่งกฎนี้ได้ขยายอำนาจเจ้าหน้าที่สหรัฐฯต่อการขายสินค้าเทคโนโลนีให้กับบริษัทหัวเว่ยของจีน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างคาดไม่ถึงต่อผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตโดยต่างชาติ และเครื่องมือทดสอบ
แหล่งข่าวคนที่ 2 ชี้ว่า กลุ่มบริษัทลงทุนที่มีรัฐบาลเซียงไฮ้ให้การสนับสนุนอาจจัดตั้งกิจการค้าร่วม(consortium)ร่วมกับกลุ่่มดีลเลอร์ของหัวเว่ยในการรับช่วงต่อสำหรับแบรนด์พรีเมียมซีรีส์ P และ Mate
ทั้งนี้เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมาบริษัทหัวเว่ยประกาศการขายแบรนด์โทรศัพท์ราคาประหยัด Horner (ออนเนอร์) ของตัวเองออกไปให้กับกิจการค้าร่วมของกลุ่มดีลเลอร์ 30 บริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเซินเจิ้น
แหล่งข่าวเปิดเผยว่าการขายครั้งนี้สามารถกวาดเงินสดได้มากกว่า 100 พันล้านหยวน (15.5 พันล้านดอลลาร์)