ลี แจยอง หรือ เจ.วาย.ลี รองประธานบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ “น้อมรับ” คำพิพากษาของศาลแขวงเกาหลีใต้ที่สั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ในคดีคอร์รัปชัน โดยไม่มีแผนที่จะยื่นอุทธรณ์อีก
ลี ซึ่งเป็นผู้กุมอำนาจบริหารสูงสุดในทางพฤตินัยของซัมซุง ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและเมมโมรีชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ถูกศาลแขวงกลางกรุงโซลพิพากษาว่ามีความผิดฐานจ่ายสินบนและยักยอกเงิน โดยเชื่อมโยงกับคดีทุจริตคอร์รัปชันที่ทำให้อดีตประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ต้องพ้นจากตำแหน่งและต้องโทษจำคุก
การตัดสินใจไม่อุทธรณ์คำพิพากษาแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายซัมซุงเองก็ต้องการที่จะให้คดีนี้จบลงโดยเร็วที่สุด และเนื่องจาก ลี เคยรับโทษจำคุกไปแล้วบางส่วน เขาจึงมีสิทธิ์ที่จะขอทำทัณฑ์บนได้อย่างเร็วที่สุดในเดือน ก.ย. เว้นเสียแต่อัยการจะยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลเพิ่มโทษจำคุกได้สำเร็จ
“รองประธาน ลี ขอน้อมรับคำพิพากษาของศาล และตัดสินใจว่าจะไม่อุทธรณ์” ลี อินแจ ทนายของบิ๊กบอสซัมซุง ระบุในถ้อยแถลง
ลี วัย 52 ปี ถูกศาลสั่งจำคุกครั้งแรกเป็นเวลา 5 ปี เมื่อปี 2017 หลังจากที่ประธานาธิบดี พัค ถูกรัฐสภาสั่งปลดจากตำแหน่ง ก่อนจะรับการปล่อยตัวในปีถัดมา เนื่องจากศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเกือบทุกข้อหาในคดีจ่ายสินบน ส่วนความผิดอื่นๆ ก็ให้รอลงอาญา
ต่อมาศาลสูงสุดเกาหลีใต้ได้มีคำสั่งรื้อคดีขึ้นมาใหม่ ทำให้เรื่องถูกตีกลับไปยังศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาจำคุก ลี เป็นเวลา 2 ปีครึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เนื่องจาก ลี เคยถูกส่งเรือนจำมาแล้วประมาณ 1 ปี เขาจึงมีกำหนดพ้นโทษในเดือน ก.ค. ปี 2022 และอาจจะได้รับอิสรภาพเร็วขึ้นอีกหากศาลอนุญาตให้ทำทัณฑ์บน หรือได้รับการอภัยโทษหรือลดหย่อนโทษตามคำสั่งประธานาธิบดี
ซัมซุงเป็นกลุ่มธุรกิจที่บริหารงานโดยคนในครอบครัว หรือ “แชโบล” รายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และมีรายได้เท่ากับ 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จึงถือว่ามีอิทธิพลสูงมากในแวดวงธุรกิจแดนโสมซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลก
ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การกลับเข้าคุกของ ลี อาจก่อให้เกิดภาวะ “สุญญากาศ” ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายและการลงทุนของซัมซุงในอนาคต
ที่มา: เอเอฟพี
