ไฟเซอร์ (Pfizer) ประกาศจำหน่ายวัคซีนจำนวน 40 ล้านโดสในราคาต้นทุนผ่านโครงการสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนระดับโลก Covax ซึ่งดำเนินการโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อช่วยเหลือประเทศที่ยากจนต่อสู้การแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะที่ประเทศร่ำรวยหลายสิบชาติเริ่มฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชากรกลุ่มเสี่ยง แต่พลเมืองในประเทศยากจนยังมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 น้อยมาก
Covax ซึ่งบริหารจัดการโดย WHO และกลุ่มพันธมิตรวัคซีน Gavi เป็นโครงการที่มุ่งจัดซื้อและแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประเทศต่างๆ อย่างเท่าเทียม โดยคาดวัคซีนจะเริ่มถูกจัดส่งไปยังประเทศปลายทางได้ตั้งแต่เดือน ก.พ. เป็นต้นไป
ขณะนี้มีเพียงวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ผ่านการรับรองใช้งานฉุกเฉินโดย WHO
อัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานไฟเซอร์ ระบุในงานแถลงข่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า ประเทศกำลังพัฒนา “ควรจะมีสิทธิ์ได้เข้าถึงวัคซีนเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในโลก”
“เราจะส่งวัคซีนให้กับ Covax เพื่อนำไปมอบให้แก่ประเทศเหล่านี้แบบไม่แสวงผลกำไร... เราภูมิใจที่ได้มีโอกาสมอบวัคซีนเพื่อช่วยสนับสนุนความพยายามของ Covax ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางความเสี่ยงสูงในประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนประชากรกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ”
เซธ เบิร์กลีย์ ผู้บริหาร Gavi ระบุว่า โครงการ Covax ตั้งเป้าหมายในการจัดหาวัคซีนราว 2,300 ล้านโดสภายในปีนี้ โดย 1,800 ล้านโดสจะถูกส่งไปยังกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีฐานะยากจน 92 ประเทศ ซึ่งมากพอที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชากรราวๆ 27%
เบิร์กลีย์ ยังเผยด้วยว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกาจำนวน 150 ล้านโดสพร้อมแล้วที่จะถูกส่งมอบผ่านโครงการ Covax โดยอยู่ระหว่างรอองค์การอนามัยโลกอนุมัติใช้งานฉุกเฉิน ซึ่งคาดว่าได้ไฟเขียวในราวๆ กลางเดือน ก.พ.
อย่างไรก็ตาม องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) ได้ออกมาวิจารณ์ข้อเสนอมอบวัคซีนราคาต้นทุน 40 ล้านโดสของไฟเซอร์ว่าเป็นเพียง “หยดน้ำในมหาสมุทร” และเทียบไม่ได้เลยกับปริมาณวัคซีนจำนวนมหาศาลที่ไฟเซอร์จำหน่ายให้แก่ประเทศร่ำรวย
“เราขอเรียกร้องให้ไฟเซอร์และผู้ผลิตยารายอื่นๆ ร่วมกันสนับสนุนวัคซีนให้กับ Covax ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน และในราคาต้นทุนด้วย” ดานา จิลล์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายของ MSF ระบุ “หากเราต้องการให้โลกผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 เราจะต้องแจกจ่ายวัคซีนเหล่านี้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ไม่ใช่ยึดว่าประเทศไหนมีเงินจ่ายมากที่สุด”
ที่มา: เอเอฟพี