เจ้าหน้าที่สืบสวนอินโดนีเซียอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าปัญหาในระบบควบคุมเครื่องยนต์อัตโนมัติ (autothrottle system) อาจมีส่วนทำให้เครื่องบิน “ศรีวิจายาแอร์” ประสบอุบัติเหตุดิ่งทะเลเมื่อวันที่ 9 ม.ค.
นูร์จาโย อูโตโม พนักงานสืบสวนจากคณะกรรมการความปลอดภัยขนส่งแห่งชาติ (KNKT) ออกมาเปิดเผยวันนี้ (22 ม.ค.) ว่า เครื่องบินโบอิ้ง 737-500 ลำนี้เคยเกิดปัญหาระบบ autothrottle ขัดข้องเพียง 2-3 วัน ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุร่วงตกทะเลชวาเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ม.ค. จนทำให้คนบนเครื่องเสียชีวิตยกลำ 62 ศพ
“มีรายงานว่าระบบ autothrottle ทำงานผิดปกติในช่วง 2-3 วันก่อนเกิดอุบัติเหตุ แต่เรายังไม่ทราบว่าเป็นปัญหาลักษณะไหน” เขาให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ “ถ้าเราพบกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน (cockpit voice recorder – CVR) เราก็จะได้ยินบทสนทนาระหว่างนักบินว่าพวกเขาคุยกันยังไง และก็จะทราบได้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น”
อูโตโม ระบุว่า ขณะนี้ยังสรุปชัดเจนไม่ได้ว่าระบบ autothrottle เป็นสาเหตุของการตกหรือไม่ และย้ำว่าอากาศยานยังสามารถทำการบินได้แม้ autothrottle จะไม่ทำงาน เนื่องจากนักบินทั้งสองสามารถควบคุมเครื่องยนต์แบบ manual ได้
ทั้งนี้ คาดว่า KNKT จะแถลงผลการสอบสวนเบื้องต้นภายใน 30 วันหลังเครื่องบินตก ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ทีมนักประดาน้ำค้นพบกล่องบันทึกข้อมูลการบิน (flight data recorder - FDR) และสามารถกู้ข้อมูลส่งให้พนักงานสืบสวนได้แล้ว ทว่ากล่อง CVR ซึ่งจมอยู่ก้นทะเลชวายังหาไม่พบ
วอลล์สตรีทเจอร์นัลอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกระบวนการสอบสวนซึ่งระบุว่า ข้อมูลจากกล่อง FDR เผยให้ทราบว่าระบบ autothrottle ของเครื่องยนต์ตัวหนึ่งทำงานผิดปกติ ขณะที่เครื่องบินศรีวิจายาแอร์กำลังไต่ระดับความสูงเพื่อมุ่งหน้าออกจากกรุงจาการ์ตาไปยังเมืองปนตีอานัก (Pontianak) ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 740 กิโลเมตรบนเกาะบอร์เนียว
แทนที่จะปิดระบบดังกล่าวเสีย ข้อมูลจาก FDR ระบุว่านักบินทั้งสองกลับพยายามแก้ไข autothrottle ตัวที่ขัดข้องให้กลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานไม่สมดุล และเครื่องบินเสียการควบคุมในที่สุด
ที่มา: รอยเตอร์