เอเจนซีส์ - ผู้บัญชาการกองกำลังทหารเนชันแนลการ์ดสหรัฐฯ แถลงวันอังคาร (19 ม.ค.) ว่า สั่งถอนทหารเนชันแนลการ์ด 12 นาย ออกจากการทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยงานพิธีสาบานตนประธานาธิบดี โจ ไบเดน วันพุธ (20 ม.ค.) เกิดขึ้นวันเดียวกันที่ทหารประจำฐานทัพในรัฐจอร์เจีย ถูกจับข้อหาวางแผนช่วยก่อการร้าย IS เพื่อโจมตีอนุสรณ์สถานตึกเวิลด์เทรด 11 ก.ย. และกองกำลังสหรัฐฯในตะวันอกกลาง
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) ว่า เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยในพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ โจ ไบเดน ที่จะมีขึ้นในวันพุธ (20) เพื่อต้องการให้มั่นใจว่ากองกำลังทหารเนชันแนลการ์ดที่จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จะไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรุนแรงสุดโต่งสหรัฐฯ ซึ่งการตรวจสอบมีขึ้นหลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้บุกเข้ารัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อขัดขวางการนับคะแนนอิเลกทรอรัล โหวตให้กับไบเดนและมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นในวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
พลเอก แดเนียล โฮคานสัน (Daniel Hokanson) ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ว่า “มีกำลังพล 2 นาย มีการบ่งชี้ให้เห็นถึงการแสดงความเห็นไม่เหมาะสม”
โฮคานสัน ให้ความเห็นหลังแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯให้ข้อมูลก่อนหน้าวันอังคาร (19) ว่า คนเหล่านี้ถูกถอดออกไป เพราะมีความเชื่อโยงกับกลุ่มหัวรุนแรง
นอกจากนี้ พบว่า มีการสั่งถอดทหารเนชันแนลการ์ดอีก 10 คน เนื่องมาจากมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยซึ่งถูกพบในระหว่างกระบวนการตรวจสอบ โฮคานสัน กล่าว และยืนยันว่า แต่สิ่งนี้ไม่ได้มีความหมายรวมไปถึงว่ากองกำลังเหล่านี้เชื่อมโยงกับกลุ่มหัวรุนแรงในสหรัฐฯ แต่เป็นเพียงคนเหล่านี้ถูกชี้ตัวและถูกสั่งถอดออกจากการทำหน้าที่เพื่อความไม่ประมาท
ในการแถลงข่าวเขากล่าวว่า “ผมไม่วิตกต่อส่วนใหญ่ขององค์กรของพวกเรา ซึ่งหากดูไปที่ 25,000 นาย จะพบว่ามีแค่ 12 นายและในบางส่วนของกลุ่มแน่เป็นแค่การตรวจสอบ ซึ่งบางทีอาจจะไม่เกี่ยวข้องด้วยซ้ำ แต่เป็นมาตรการเฝ้าระวังที่เราต้องการตรวจสอบเหมือนอย่างเช่นที่ผมได้กล่าวไว้ในตอนต้น พวกเราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องจนกว่าทุกสิ่งจะกระจ่าง”
ข่าวการสั่งถอดทหารเนชันแนลการ์ดออกจากทำหน้าที่ในวันสาบานตนไบเดนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีกำลังทหารเนชันแนลการ์ดจำนวนถึง 25,000 นาย อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ทั้งนี้ รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ (Christopher Miller) แถลงวันจันทร์ (18) ว่า ไม่มีข่าวกรองทางความมั่งคงบ่งชี้ว่ามีภัยคุกคามภายในเกิดขึ้นเกี่ยวกับวันพิธีสาบานตนหลังจากที่สำนักงาน FBI สหรัฐฯเข้ามาตรวจสอบทหารเนชันแนลการ์ดที่เข้ามารักษาการภายในดี.ซี. โดยในแถลงการณ์มิลเลอร์ยังกล่าวขอบคุณไปถึง FBI ที่ให้ความช่วยเหลือ
และในวันอังคาร (19) พลทหาร โตล บริดเจส (Cole Bridges) วัย 20 ปี จากรัฐโฮไฮโอ สังกัดฐานทัพฟอร์ต สตวร์ต (Fort Stewart) รัฐจอร์เจีย และเขาถูกจับที่รัฐแห่งนี้ เขามีกำหนดต้องขึ้นศาลพิจารณาคดีครั้งแรกในวันพฤหัสบดี (21)
CNN รายงานว่า บริดเจสพยายามที่จะติดต่อกับบุคคลที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย อัยการสหรัฐฯแถลง โดยเขาถูกสั่งฟ้องในความผิด 1 กระทงฐานพยายามให้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย IS และอีก 1 กระทงฐานพยายามฆ่าทหารสหรัฐฯซึ่งโทษความผิดของทั้ง 2 ข้อหาจำคุกสูงสุด 20 ปีในเรือนจำ
โดยในคำฟ้องระบุว่าเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา ได้เริ่มต้นติดต่อทางออนไลน์กับบุคคลที่เขาเชื่อว่าเป็นคนที่ให้การสนับสนุนนักรบ IS ในตะวันออกกลาง แต่แท้จริงแล้วเป็นเจ้าหน้าที่ FBI แฝงตัวมา
อัยการสหรัฐฯชี้ว่า บริดเจสได้แอบให้ข้อมูลความลับการฝึกทางทหารและแนวทางแก่บุคคลนี้ รวมไปถึงคำแนะนำในเป้าหมายพิกัดการโจมตี เป็นต้นว่า อนุสรณ์สถานรำลึกวัน 11 กันยาฯ ที่นิวยอร์ก
และเขายังแอบให้คู่มือการฝึกของกองทัพสหรัฐฯแก่เจ้าหน้าที่ FBI นอกเครื่องแบบ และคำแนะนำในยุทธวิธีทางการทหารในการสู้รบเพื่อเป็นแนวทางเพื่อเป็นประโยชน์แก่ IS ให้ใช้
อัยการสหรัฐฯแถลงเพิ่มเติมว่า ทหารประจำฟอร์ต สตวร์ท นายนี้ในเดือนธันวาคมเริ่มต้นให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ FBI ที่เขาคิดว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่ม IS ถึงกลยุทธ์การโจมตีกำลังทหารสหรัฐฯในตะวันออกกลาง รวมไปถึงแผนภูมิการเคลื่อนย้ายทางการทหารที่จะช่วยให้กลุ่ม IS สามารถขยายผลในการโจมตี
