xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ อำลาตำแหน่ง ปธน.ลั่นได้ทำในสิ่งที่ต้องทำแล้ว พร้อมอวยพรรัฐบาลใหม่ ‘โชคดี’ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ โดยระบุว่า ได้ทำในสิ่งที่ต้องทำแล้ว พร้อมโชว์สปิริตอวยพรให้รัฐบาลชุดใหม่ “โชคดี” แต่ยังเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่อของ โจ ไบเดน

ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และแสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อ ไบเดน ซึ่งชนะศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ด้วยจำนวนคณะผู้แทนออกเสียง 306 คน ในขณะที่ ทรัมป์ ได้ไปเพียง 232 คน

ไบเดน จะเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ในวันพุธที่ 20 ม.ค. เวลา 12.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดย ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะพบปะพูดคุยกับ ไบเดน ล่วงหน้า และจะออกเดินทางไปยังรัฐฟลอริดาทันทีในช่วงเช้า โดยไม่ยอมเข้าร่วมพิธีสาบานตนตามธรรมเนียมที่ประธานาธิบดีผู้ซึ่งจะอำลาตำแหน่งพึงปฏิบัติ

“สัปดาห์นี้เราจะได้มีรัฐบาลชุดใหม่ และผมขออวยพรให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการปกป้องอเมริกาให้ปลอดภัย และมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป” ทรัมป์ ระบุในสุนทรพจน์ที่บันทึกเทปเอาไว้ล่วงหน้า “เราขอส่งความปรารถนาดี และขอให้พวกเขาจงโชคดี ซึ่งเป็นถ้อยคำที่สำคัญมาก”

ทรัมป์ ก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อ 4 ปีก่อนด้วยสโลแกน “Make America Great Again” แต่วันนี้เขากำลังจะอำลาตำแหน่งไปพร้อมกับตัวเลขชาวอเมริกัน 400,000 คนที่เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โรคระบาดที่เขาเคยดูหมิ่นพิษสง รวมถึงทิ้งเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนกับชาติพันธมิตรเอาไว้ให้รัฐบาลไบเดนตามล้างตามเช็ดกันต่อ

“อันตรายร้ายแรงที่สุดที่เราเผชิญอยู่ก็คือการสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง และสูญเสียศรัทธาในความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติ” ทรัมป์ กล่าว

ตลอด 2 เดือนเศษๆ ทรัมป์ อ้างโดยปราศจากหลักฐานว่าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีมีการทุจริตฉ้อโกงขนานใหญ่เพื่อปล้นชัยชนะไปจากตน และใช้อำนาจกดดันทุกทางเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างๆ พลิกผลการเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ทรัมป์ ซึ่งยังคงอ้างว่าตนเองถูกโกงได้ปราศรัยปลุกระดมผู้สนับสนุนหลายพันคนให้ “ต่อสู้” ขณะที่คองเกรสกำลังจะมีการประกาศรับรองชัยชนะให้กับ ไบเดน จนนำมาสู่เหตุจลาจลครั้งประวัติศาสตร์ที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปถึง 5 คน

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ลงมติถอดถอน ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งในข้อหา “ยุยงให้เกิดการก่อกบฏ” ซึ่งทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกสภาล่างโหวตถอดถอนถึง 2 ครั้ง และจะต้องถูกดำเนินคดีหลังพ้นตำแหน่งไปแล้วด้วย

ในสุนทรพจน์ครั้งสุดท้าย ทรัมป์ ยังอ้างถึงการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งน่าจะหมายถึงเรื่องที่ทวิตเตอร์สั่งลบบัญชี @realDonaldTrump ของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้นำสหรัฐฯ รายนี้ทวีตข้อความกระพือเหตุรุนแรงใดๆ ได้อีก

“การปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกและการอภิปรายอย่างเสรี เท่ากับละเมิดค่านิยมหลักและธรรมเนียมประเพณีอันเป็นรากฐานสำคัญที่สุดของเรา” ทรัมป์ กล่าว “อเมริกาไม่ใช่ชนชาติขี้ขลาดตาขาวที่จะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากคนที่เห็นต่าง”

“เราได้ทำในสิ่งที่เรารับปากไว้ว่าจะทำ รวมถึงอีกหลายสิ่งหลายอย่าง... ผมได้ต่อสู้อย่างทรหด ต่อสู้อย่างหนักหน่วงที่สุด และตัดสินใจอย่างยากลำบากที่สุด นั่นเป็นเพราะพวกท่านทั้งหลายได้เลือกผมเข้ามาทำสิ่งนี้”

“เราได้ฟื้นฟูพันธมิตรอเมริกา และรณรงค์ให้ทุกประเทศทั่วโลกลุกขึ้นต่อต้านจีนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” ทรัมป์ ระบุ “และผมยังมีความภาคภูมิใจเป็นพิเศษที่ได้เป็นประธานาธิบดีคนแรกในรอบหลายสิบปีที่ไม่ก่อสงครามใหม่เลย”

ทรัมป์ ยังใช้โอกาสนี้เอ่ยถึงเหตุจลาจลที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งเขาถูกวิจารณ์ว่าเป็นต้นเหตุ

“ชาวอเมริกันทุกคนรู้สึกตกใจต่อภาพการโจมตีที่เกิดขึ้นที่รัฐสภาของเรา ความรุนแรงทางการเมืองคือการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราชาวอเมริกันให้คุณค่า และมันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้โดยเด็ดขาด”

ทรัมป์ ซึ่งเสียคะแนนนิยมไปมากจากเหตุการณ์ที่รัฐสภายังเผยเจตนารมณ์เป็นนัยๆ ว่าจะยังไม่ถอนตัวออกจากเส้นทางการเมือง

“ขณะที่ผมกำลังจะส่งมอบอำนาจต่อให้กับรัฐบาลชุดใหม่ในเที่ยงวันพุธ ผมขอให้ท่านทั้งหลายทราบว่าการเคลื่อนไหวของเรามันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น”

“ผมกำลังจะไปจากสถานที่อันทรงเกียรตินี้ด้วยความมั่นใจอย่างสูงสุดว่า สำหรับประเทศและลูกหลานของเรา สิ่งที่ดีที่สุดจะมาถึงในอีกไม่ช้า”

ที่มา : รอยเตอร์




กำลังโหลดความคิดเห็น