หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ ดำเนินการคัดกรองสมาชิกกองกำลังป้องกันชาติ (เนชันแนลการ์ด) เพื่อให้มั่นใจว่าคนเหล่านี้จะไม่กลายเป็น “ภัยคุกคาม” เสียเองในระหว่างพิธีสาบานตนของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งจะมีขึ้นในวันพุธนี้ (20 ม.ค.)
หลังเกิดเหตุม็อบสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ทางการสหรัฐฯ พบว่าในกลุ่มผู้ประท้วงมีผู้ที่เป็นอดีตทหารหรือทหารปัจจุบันรวมอยู่ด้วย
พล.อ.แดเนียล โฮคันสัน ผู้บัญชาการสำนักงานกองกำลังป้องกันชาติ (National Guard Bureau) ให้สัมภาษณ์กับซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ (17) ว่า “พวกเขามีการคัดกรองทหารทุกนายที่เดินทางเข้ามา (ยังวอชิงตัน) โดยเป็นความร่วมมือระหว่างซีเคร็ตเซอร์วิสกับสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ)”
พื้นที่ส่วนใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตอนนี้อยู่ภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดแทบไม่ต่างจากเขตสงคราม โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดถนนในย่านดาวน์ทาวน์, นำรั้วลวดหนามมาติดตั้ง และมีการระดมทหารเนชันแนลการ์ดราว 25,000 นายจากหลายมลรัฐเข้ามาช่วยรักษาความสงบเรียบร้อย
เมื่อเร็วๆ นี้ ประธานเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ ได้มีหนังสือย้ำเตือนไปยังทหารอเมริกันทุกนายว่า เหตุจลาจลที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. “เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหลักนิติธรรม” และขอให้ทหาร “ยึดมั่นในคุณค่าและอุดมคติของชาติ”
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กลาโหมซึ่งระบุว่า เพนตากอนได้รับแจ้งจากเอฟบีไอเรื่องการสอบสวนที่เชื่อมโยงกับกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งรวม 143 กรณีเมื่อปีที่แล้ว โดยมีอยู่ 68 กรณีที่ทหารซึ่งยังรับราชการอยู่และปลดประจำการแล้วเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ในจำนวนนี้มีทั้งพวกคลั่งชาตินิยมผิวขาว, ต่อต้านฟาสซิสม์, ต่อต้านการทำแท้ง และต่อต้านรัฐบาล
ที่มา : เอเอฟพี, วอชิงตันโพสต์