รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมขยายสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 ให้ครอบคลุมเพิ่มอีก 7 จังหวัด รวมถึงเมืองใหญ่อย่างโอซากา และเกียวโต ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศ
ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อสะสมไม่มากนักเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพียง 4,100 คน ทว่า จำนวนผู้ป่วยใหม่ที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว ก็ทำให้แพทย์ออกมาเตือนว่า โรงพยาบาลในพื้นที่ที่เชื้อระบาดหนักเสี่ยงที่จะรองรับผู้ป่วยไม่ไหว
สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครอบคลุมพื้นที่กรุงโตเกียว และอีก 3 จังหวัดใกล้เคียง ทว่า แนวทางของญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนกับการล็อกดาวน์เข้มข้นในประเทศอื่นๆ อีกทั้งยังไม่มีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน
ทางการได้ขอให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและบาร์ปิดร้านในเวลา 20.00 น. และให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น รวมถึงสนับสนุนให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน
“เราอยากจะเห็นตัวเลขผู้ป่วยรายวันมีแนวโน้มลดลงภายในวันที่ 7 ก.พ. นี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม” ยาสุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีฝ่ายตอบสนองวิกฤตโควิด-19 ระบุ โดยอ้างถึงช่วงเวลาที่สถานการณ์ฉุกเฉิน 1 เดือนจะสิ้นสุดลง
7 จังหวัดที่คาดว่านายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ จะประกาศให้เป็นพื้นที่สถานฉุกเฉินภายในเย็นวันนี้ (13) ได้แก่ โอซากา, ไอจิ, เกียวโต, กิฟุ, ฟุกุโอะกะ, เฮียวโงะ และ โทะชิงิ ซึ่งจะทำให้พื้นที่ 11 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัดของญี่ปุ่นตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน คิดเป็นมูลค่าจีดีพีราว 60% ของทั้งประเทศ
แม้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินจะไม่มีกลไกบังคับ ทว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะออกกฎหมายลงโทษผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนคำสั่งให้ลดชั่วโมงทำงาน หรือปิดบริการชั่วคราว รวมถึงมีมาตรการจูงใจสำหรับผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือ
วิกฤตการณ์ล่าสุดนี้เกิดขึ้นก่อนที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอีกประมาณ 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่นายกฯ ซูงะ ก็ยืนยันว่า จะไม่ยกเลิกหรือเลื่อนการแข่งขันออกไปอีก แม้มีผลสำรวจบ่งชี้ว่าชาวญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยกับการจัดมหกรรมกีฬาซึ่งอาจทำให้โควิด-19 แพร่กระจายหนัก
ที่มา: เอเอฟพี