มาเลเซียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศในวันนี้ (12 ม.ค.) เพื่อต่อสู้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล และมีความเสี่ยงที่ระบบสาธารณสุขของประเทศอาจรองรับไม่ไหว
แถลงการณ์จากสำนักพระราชวังมาเลเซียวันนี้ (12) ระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน อับดุลเลาะห์ รีอายาตุดดิน อัล-มุสตาฟา บิลลาห์ ชาห์ ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รัฐบาลประกาศคำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินจนถึงวันที่ 1 ส.ค. หรือเร็วกว่านั้น จนกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจะกลับสู่ภาวะควบคุมได้
“สมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน อับดุลเลาะห์ ทรงเล็งเห็นว่าการระบาดของโควิด-19 ในประเทศเข้าสู่ขั้นวิกฤต และมีความจำเป็นที่จะต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน” อะหมัด ฟาดิล ชัมซุดดิน เลขาธิการพระราชวังมาเลเซีย ระบุในแถลงการณ์
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังเปิดทางให้มีการสั่งระงับประชุมรัฐสภาและกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมด ในห้วงเวลาที่รัฐบาลอายุ 10 เดือนของนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน กำลังง่อนแง่นเต็มทน
ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระราชาธิบดีทรงเคยปฏิเสธคำร้องขอประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของมูห์ยิดดิน ในเดือน ต.ค. หลังมีเสียงวิจารณ์จากผู้นำฝ่ายค้านว่ารัฐบาลคิดจะใช้ช่องทางนี้เพื่อยื้ออำนาจ
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่ผู้นำมาเลเซียได้ออกคำสั่งล็อกดาวน์พื้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และอีก 5 รัฐเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ครอบคลุมประชากรราว 20 ล้านคน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพุธนี้ (13) พร้อมเตือนว่าระบบสาธารณสุขของชาติ “ใกล้จะแบกรับภาระไม่ไหวแล้ว”
การเดินทางข้ามระหว่างรัฐต่างๆ จะถูกห้ามภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ และสมาชิกในครอบครัวเดียวกันจะออกจากบ้านไปทำกิจธุระ เช่น ซื้ออาหารและข้าวของเครื่องใช้ได้คราวละไม่เกิน 2 คนเท่านั้น ส่วนธุรกิจที่มีความสำคัญยิ่งยวด เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต และสถาบันการเงินยังคงเปิดทำการได้
มาเลเซียทำสถิติมียอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงเกิน 3,000 คนเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งสูงกว่า 138,000 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 555 คนเมื่อวานนี้ (11)
แม้การเลือกตั้งท้องถิ่นที่รัฐซาบาห์เมื่อปีที่แล้วจะถูกโยงว่าเป็นสาเหตุทำให้เชื้อไวรัสกลับมาระบาดซ้ำและแพร่กระจายไปทั่วมาเลเซีย แต่นักวิจารณ์หลายคนกังวลว่า มูห์ยิดดิน อาจมีเจตนาใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อยื้ออำนาจให้กับรัฐบาล และปิดกั้นเสรีภาพของพลเมือง
“การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดูเหมือนจะเป็นความพยายามใหม่ของ มูห์ยิดดิน ที่จะยื้ออำนาจ, สกัดไม่ให้มีการเลือกตั้ง และปิดกั้นการตรวจสอบของรัฐสภา มากกว่าที่จะแก้ไขปัญหาโรคระบาด” โจเซฟ เบเนดิกต์ จากกลุ่ม Civicus ซึ่งเป็นเครือข่ายองค์กรและนักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมระดับนานาชาติระบุ พร้อมชี้ว่า “นี่คือวันแห่งความมืดมนของระบอบประชาธิปไตย”
มารีนา มหาเธร์ บุตรสาวนักเคลื่อนไหวของอดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮาหมัด ได้ทวีตข้อความว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคือ “ประกาศแห่งความล้มเหลว”
“ความล้มเหลวในด้านการจัดการโรคระบาดใหญ่, ความล้มเหลวด้านการปกครอง และความล้มเหลวในการดูแลประชาชน” เธอกล่าว
ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์