xs
xsm
sm
md
lg

นักลงทุนเหวอ! ‘ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก’ กลับลำไม่ถอดหุ้น 3 บริษัทโทรคมนาคมจีน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange-NYSE) ออกมายืนยันล่าสุด ว่า ไม่มีแผนถอดหุ้น 3 บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนตามใบสั่งของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถือเป็นการกลับลำเอาดื้อๆ จากสิ่งที่ได้แถลงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

NYSE ระบุในคำแถลงว่า “ไม่มีแผนที่จะเดินหน้าถอดหุ้น” ของบริษัท ไชน่า โมบายล์ จำกัด, บริษัท ไชน่า เทเลคอม คอร์ป จำกัด และ บริษัท ไชน่า ยูนิคอม ฮ่องกง จำกัด ออกจากตลาดหลักทรัพย์อีกต่อไป โดยการตัดสินใจล่าสุดมีขึ้นหลังจากที่ NYSE “ได้ปรึกษาหารือกับหน่วยงานด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง”

ท่าทีล่าสุดของ NYSE ส่งผลให้ราคาหุ้น ไชน่า ยูนิคอม ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงพุ่งพรวดเกือบ 9% ในช่วงบ่ายวันนี้ (5) ส่วนราคาหุ้น ไชน่า โมบายล์ และ ไชน่า เทเลคอม ก็ขยับขึ้นกว่า 6%

แจ็กสัน หว่อง จากสถาบันบริหารสินทรัพย์ แอมเบอร์ ฮิลล์ แคปปิตอล ในฮ่องกง ยอมรับว่า นี่เป็นความเคลื่อนไหวที่ “ค่อนข้างเหนือความคาดหมาย”

“กองทุนบางแห่งที่เริ่มเทขายหุ้นไปแล้ว จะต้องรีบกว้านซื้อกลับมา ขณะที่นักลงทุนบางคนก็อาจตีความว่านี่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ”

การใส่เกียร์ถอยครั้งนี้มีขึ้นเพียง 4 วันหลังจากที่ NYSE ออกมาประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (31 ธ.ค.) ว่า จะถอดหุ้นของทั้ง 3 บริษัท โดยเป็นไปตามคำสั่งบริหารของ ทรัมป์ ที่ต้องการสกัดกั้นการลงทุนของบริษัท 35 แห่งที่วอชิงตันเชื่อว่าถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน

เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารห้ามชาวอเมริกันลงทุนในบริษัทที่พวกเขามองว่าเป็นผู้จัดหาหรือเป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์ด้านความมั่นคงให้แก่กองทัพจีน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามอย่างดุเดือดจากปักกิ่ง

สหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชีดำ 35 บริษัทจีนที่พวกเขาอ้างว่าเป็นเครื่องมือที่ปักกิ่งใช้แสวงหาประโยชน์อย่างไม่ถูกต้องจากเงินลงทุนของอเมริกา โดยนำไปเป็นทุนด้านการทหารและหน่วยข่าวกรอง ตลอดจนนำไปใช้พัฒนาและประจำการอาวุธทำลายล้างสูง

คำสั่งที่ว่านี้เป็นหนึ่งในหลายๆ คำสั่งบริหารและมาตรการทางกฎระเบียบต่างๆ ที่สหรัฐฯ พุ่งเป้าเล่นงานเศรษฐกิจจีน และสกัดกั้นความพยายามแผ่อิทธิพลด้านการทหารของปักกิ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

คำสั่งของ ทรัมป์ มีผลทำให้บริษัทและพลเมืองอเมริกันหมดสิทธิ์ถือหุ้นในบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ซึ่งรวมไปถึงบริษัท ฮิควิชัน ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดชั้นนำ และ ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรัคชัน คอร์ป รัฐวิสาหกิจด้านรถไฟความเร็วสูงของจีน

โรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุในตอนนั้นว่า คำสั่งนี้จะช่วยปกป้องชาวอเมริกันไม่ให้เผลอสนับสนุนเงินทุนแก่บริษัทจีนซึ่งเข้าไปจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งทั่วโลก เนื่องจากสุดท้ายแล้วเงินเหล่านั้นอาจถูกนำไปใช้พัฒนาศักยภาพกองทัพและหน่วยข่าวกรองจีน

ภายใต้นโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ทรัมป์ พยายามตราหน้าจีนว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดของสหรัฐฯ และระบอบประชาธิปไตยโลก อีกทั้งยังเดินหน้าทำสงครามการค้ากับปักกิ่ง, ยัดข้อครหาต่างๆ ให้แก่บริษัทไฮเทคจีน และโทษจีนว่าเป็นตัวการแพร่กระจายไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี




กำลังโหลดความคิดเห็น