เจ้าหน้าที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เตือนผู้สนับสนุนของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อย่าพกปืนมาร่วมชุมนุมคัดค้านผลเลือกตั้งในวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่สภาคองเกรสจะมีกำหนดรับรองผลมติคณะผู้เลือกตั้งให้ โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ขณะเดียวกันก็มีการเรียกระดมกองกำลังเนชันแนลการ์ดหลายร้อยนายเพื่อควบคุมสถานการณ์
“เราได้รับข้อมูลมาว่า มีคนบางกลุ่มเตรียมที่จะนำอาวุธปืนเข้ามาในเมือง ซึ่งเป็นการกระทำที่รับไม่ได้” โรเบิร์ต คอนที ผู้บัญชาการตำรวจวอชิงตัน ระบุในงานแถลงข่าวที่ศาลาว่าการเมือง พร้อมเตือนว่าผู้ใดก็ตามที่ทำเช่นนั้นหรือพยายามปลุกปั่นความรุนแรงจะถูกจับทันที
ด้านกองกำลังเนชันแนลการ์ดของ ดี.ซี. แถลงวานนี้ (4 ม.ค.) ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ราว 300 นายเข้ามาช่วยควบคุมฝูงชน และสนับสนุนภารกิจของของหน่วยดับเพลิงและกู้ชีพ ร่วมกับตำรวจวอชิงตัน, ตำรวจอุทยานแห่งชาติ (US Park Police) และหน่วยซีเคร็ตเซอร์วิส
กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งมีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดที่สุดในสหรัฐอเมริกา และห้ามมิให้ประชาชนพกปืนอย่างเปิดเผย หรือครอบครองอาวุธปืนโดยไม่มีใบอนุญาตของท้องถิ่น
ผู้สนับสนุนทรัมป์หลายพันคน รวมถึงกลุ่มชาตินิยมขวาจัดที่เคยพกปืนไปประท้วงในที่อื่นๆ มาแล้ว คาดว่าจะมารวมตัวกันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ (5) ยาวไปจนถึงวันพุธที่ 6 ม.ค. เพื่อคัดค้านการรับรองผลเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ซึ่ง ทรัมป์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่ โจ ไบเดน
คอนที คาดว่าการประท้วงคราวนี้อาจจะมีคนเข้าร่วมมากกว่าการชุมนุมเมื่อช่วงเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ซึ่งกลุ่ม Proud Boys และผู้สนับสนุนทรัมป์อื่นๆ ได้เกิดการตีรันฟันแทงกับผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้าม รวมถึงปะทะกับกลุ่มซ้ายจัด “แอนติฟา” และนักเคลื่อนไหวต่อต้านความอยุติธรรมทางสีผิว Black Lives Matter
ทรัมป์ ซึ่งไม่ยอมรับความพ่ายแพ้พยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้ายด้วยการยุให้มวลชนออกมาแสดงพลังคัดค้านผลเลือกตั้งในสัปดาห์นี้ โดยทวีตข้อความเมื่อวันอาทิตย์ (3) ว่า “ผมจะอยู่ที่นั่น” และยังทวีตเมื่อวันศุกร์ (1) ว่า “มันจะเป็นไปอย่างบ้าคลั่ง”
ทำเนียบขาวไม่ได้แถลงกำหนดการที่ชัดเจนของทรัมป์ แต่แหล่งข่าวคนหนึ่งในข้อมูลว่า ทรัมป์ จะออกมาปราศรัยต่อมวลชนในวันที่ 6 ม.ค. ที่สวนสาธารณะ Ellipse ทางใต้ของทำเนียบขาว
ผู้นำสหรัฐฯ วัย 74 ปี อ้างว่า ไบเดน เป็นฝ่ายชนะเพราะมีการทุจริตเลือกตั้งอย่างมโหฬาร ในขณะที่ทางการของหลายสิบรัฐ รวมถึงศาล, เจ้าหน้าที่เลือกตั้งประจำรัฐของทั้ง 2 พรรคการเมือง หรือแม้แต่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เอง ก็ไม่พบหลักฐานการโกงแต่อย่างใด
สภาคองเกรสมีกำหนดรับรองผลเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 6 ม.ค. โดยจะมีรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ทำหน้าที่ประธานในพิธี
อย่างไรก็ตาม มี ส.ว.รีพับลิกันอย่างน้อย 12 คน และ ส.ส.รีพับลิกันประมาณ 140 คน ประกาศแล้วว่าจะคัดค้านการรับรองชัยชนะให้กับไบเดน โดยยกข้อครหาต่างๆ นานาของ ทรัมป์ มาอ้าง
มูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต บอกกับสื่อมวลชนวานนี้ (4) ว่า ความพยายามของพลพรรค ทรัมป์ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลเลือกตั้งได้ “รัฐธรรมนูญของเราจะยืนหยัดต่อไป โจ ไบเดน และ คามาลา แฮร์ริส และเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา” ภายหลังจากเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค. นี้
ที่มา: รอยเตอร์