นายกฯ ญี่ปุ่นเล็งประกาศภาวะฉุกเฉินในโตเกียว ขณะเกาหลีใต้ขยายข้อห้ามชุมนุมเกิน 4 คนไปทั่วประเทศพร้อมยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างที่เมืองหลวง

ผู้นำญี่ปุ่นเผยกำลังพิจารณาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในโตเกียวและปริมณฑล เพื่อสกัดการระบาดรอบสาม ขณะที่เกาหลีใต้ยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอีกครั้ง หลังยอดผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งขึ้นเกิน 1,000 คน ส่วนที่อเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ชั้นนำสวนทรัมป์ที่โจมตีว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตกว่า 350,000 คน สูงเกินจริง

นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวในวาระขึ้นปีใหม่เมื่อวันจันทร์ (4 ม.ค.) ว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในโตเกียวและปริมณฑล แต่ยังคาดหวังว่า จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ และสำทับว่า ตนจะเป็นกลุ่มแรกที่รับการฉีดวัคซีนเพื่อเป็นตัวอย่าง

ผู้นำญี่ปุ่นยังขอให้ประชาชนงดเดินทางออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น และบอกว่า รัฐบาลอาจออกกฎหมายลงโทษธุรกิจที่ฝ่าฝืนคำขอให้ลดระยะเวลาหรือระงับการให้บริการ รวมทั้งเสนอมาตรการจูงใจสำหรับผู้ที่ปฏิบัติตามคำขอดังกล่าว

ซูงะยืนยันว่า รัฐบาลจะมุ่งมั่นจัดโตเกียวโอลิมปิกในช่วงฤดูร้อนนี้ หลังจากต้องเลื่อนไปเมื่อปีที่แล้ว เพื่อพิสูจน์ว่า มนุษย์สามารถเอาชนะไวรัสได้

ปัจจุบัน ผู้นำญี่ปุ่นกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากการรับมือโรคระบาดระลอกสามที่ยังคงรุนแรง โดยในวันจันทร์ (4) โตเกียวรายงานจำนวนเคสใหม่ 884 คน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยหนักที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจหรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด เพิ่มขึ้นทำสถิติที่ 108 คน

เมื่อวันเสาร์ (2) ผู้ว่าราชการจังหวัดโตเกียว และอีก 3 จังหวัดใกล้เคียงเรียกร้องให้รัฐบาลกลางประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดของตน

รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามเลี่ยงใช้ยาแรงเนื่องจากกลัวว่า จะทำให้เศรษฐกิจที่เพิ่งฟื้นกลับไปถดถอยอีก อย่างไรก็ตาม ซูงะเผยเมื่อวันจันทร์ว่า ตนตระหนักว่า จำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น และสำทับว่า จะเน้นการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการกินดื่มเป็นอันดับแรก

ส่วนที่เกาหลีใต้ รัฐบาลสั่งห้ามการรวมกลุ่มเกิน 4 คนไปทั่วประเทศ หลังจากใช้แค่ในกรุงโซลและปริมณฑลเท่านั้น ขณะที่ในเมืองหลวงและปริมณฑลเองก็มีการขยายกฎการเว้นระยะห่างทางสังคม เป็นต้นว่า การปิดโบสถ์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รีสอร์ตสกี และสถานที่อื่นๆ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันกลับมาพุ่งขึ้นเกิน 1,000 คนเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน

สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคดีซีเอ) แถลงว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (3) พบผู้ติดเชื้อใหม่ 1,020 คน รวมยอดสะสม 64,264 คน และผู้เสียชีวิตรวม 981 คน เทียบกับช่วงสุดสัปดาห์ที่มีเคสใหม่เพียง 657 คน

ทั้งนี้ กว่า 60% ของเคสใหม่อยู่ในโซล จังหวัดคย็องกีและเมืองอินชอน ซึ่งมีการระบาดแบบกลุ่มก้อนขนาดใหญ่กระจุกอยู่รอบสถานพักฟื้นคนชราและเรือนจำหลายแห่ง

นายกรัฐมนตรี ชุง เซ-คยุน เรียกร้องให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนซึ่งกำหนดว่า จะเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดียวกับในอเมริกาและบางประเทศในยุโรป

ในสหรัฐฯนั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมากล่าวโทษพวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่า จัดการฉีดวัคซีนให้ชาวอเมริกาล่าช้า ทั้งที่รัฐบาลกลางได้จัดส่งให้รัฐต่างๆ อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังอ้างว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่รายงานไว้สูงกว่า 350,000 คนเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริง เนื่องจากนโยบายของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ที่เหมารวมเคสต้องสงสัยว่า เป็นการตายจากโควิดทั้งหมด

ทว่า เมื่อวันอาทิตย์ แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของรัฐบาล ตอบโต้ว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขจริง ขณะที่ เจอโรม อดัมส์ ศัลยแพทย์ใหญ่ที่ทรัมป์เป็นผู้แต่งตั้ง ก็ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า ไม่มีเหตุผลให้สงสัยจำนวนผู้เสียชีวิตที่ซีดีซีรายงาน

ฟาวซีเสริมว่า โครงการฉีดวัคซีนมีข้อบกพร่อง 2-3 อย่างจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และว่า การเริ่มและดำเนินโครงการใหญ่ขนาดนี้มีความท้าทายเสมอ อย่างไรก็ดี เขายังมีความหวังจากข้อเท็จจริงที่ว่า มีประชาชน 500,000 คนได้รับวัคซีนในวันเดียว ซึ่งสูงกว่าช่วงแรกๆ ที่เริ่มฉีดวัคซีนเมื่อเดือนที่แล้วมาก

สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุดของอเมริกาอยู่ที่ 20.6 ล้านคน และเสียชีวิต 351,452 คน โดยมีการคาดหมายกันว่า ตัวเลขเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นต่อไปหลังจากเทศกาลวันหยุดยาวช่วงคริสต์มาสและปีใหม่

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)