ชาวบังกลาเทศครอบครัวหนึ่งป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรมสุดแปลกที่ทำให้ผู้ชายทุกคนเกิดมาโดยไม่มีลายนิ้วมือ ซึ่งถ้าเป็นสมัยคุณปู่คุณทวดก็คงไม่มีอะไรยุ่งยาก ทว่าในโลกยุค 4.0 ที่ลายนิ้วมือถูกใช้เป็นเครื่องหมายยืนยันตัวตน พวกเขายอมรับว่าใช้ชีวิตลำบากพอสมควร
อาปู ซาร์เกอร์ วัย 22 ปี เล่าว่า เขาและญาติมิตรทุกคนที่เป็นผู้ชายล้วนเกิดมาโดยไม่มีลวดลายบนนิ้วหรือฝ่ามือ ซึ่งทำให้เจอปัญหายุ่งยากบ่อยๆ ทั้งตอนจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ขอใบขับขี่ ทำบัตรประชาชน หรือแม้กระทั่งสแกนนิ้วเพื่อลงทะเบียนเปิดเบอร์มือถือ
อามาล บิดาของ อาปูร์ เล่าว่า ทางการยอมออกบัตรประชาชนที่แสตมป์คำว่า “ไม่มีลายนิ้วมือ” เพื่อให้เขาสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ และถึงแม้เขาจะนำใบรับรองแพทย์ไปขอหนังสือเดินทางมาได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าใช้ เพราะกลัวมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ ตม.
ใบขับขี่ที่อุตส่าห์เสียเงินไปสอบจนผ่านก็ไม่ได้รับตามที่หวัง เพราะเจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่มีลายนิ้วมือ ไม่ยอมออกให้ซะงั้น...
อามาล บอกกับบีบีซีว่า เขาเคยถูกตำรวจสั่งปรับ 2 ครั้ง ทั้งที่เอาหลักฐานการจ่ายค่าธรรมเนียมใบขับขี่ไปโชว์แล้ว แถมยังแบมือให้ดูด้วย แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
แม้แต่เรื่องปกติสามัญอย่างการใช้สมาร์ทโฟนก็ไม่ง่ายสำหรับผู้ชายในตระกูลนี้ เพราะหลังจากปี 2016 เป็นต้นมา รัฐบาลบังกลาเทศมีกฎให้ผู้ซื้อซิมการ์ดจะต้องสแกนลายนิ้วมือที่ตรงกับฐานข้อมูลในทะเบียนราษฎร
“เวลาผมไปซื้อซิม เครื่องสแกนนิ้วมันจะแฮงก์ทุกทีเมื่อผมวางนิ้วลงไป” เขาบอก
สุดท้ายผู้ชายทุกคนในบ้านนี้ก็เลยไม่สามารถมีเบอร์เป็นของตัวเอง และต้องใช้ซิมการ์ดที่พวกผู้หญิงไปลงทะเบียนให้
สาเหตุของความผิดปกตินี้เกิดจากโรคทางพันธุกรรมที่เรียกว่า Adermatoglyphia ซึ่งเป็นการกลายพันธุ์ของยีน SMARCAD1 ที่ทำให้นิ้วมือ ฝ่ามือ นิ้วเท้า และฝ่าเท้าเรียบเนียนปราศจากลวดลาย รวมถึงมีรอยด่างขาวเล็กๆ บนใบหน้า และมีอาการผิวหนังลอก
Adermatoglyphia เป็นอาการผิดปกติที่พบได้น้อยมาก และมีรายงานการพบผู้ป่วยเพียงไม่กี่ครอบครัวทั่วโลก
“ผมเหนื่อยที่จะต้องอธิบายให้คนอื่นฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมพยายามขอคำปรึกษาจากใครหลายคน แต่ไม่เห็นจะได้คำตอบที่ชัดเจนเลย” อาปู กล่าว “เคยมีคนแนะนำให้ผมไปฟ้องศาล ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ผมคงต้องลองดู”
โชคดีที่เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีอื่นๆ เข้ามาเป็นตัวช่วย ทำให้ อาปู, พี่ชาย และพ่อของเขา สามารถมีบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดด้วยวิธีสแกนม่านตา และล่าสุดหน่วยงานสำมะโนประชากรของบังกลาเทศก็ยืนยันแล้วว่า เป็นไปได้ที่คนในครอบครัวนี้อาจจะใช้วิธีสแกนม่านตาหรือไม่ก็ระบบจดจำใบหน้า (face recognition) เพื่อขอหนังสือสำคัญอื่นๆ ได้ด้วย
ที่มา : Daily Mail, Odditycentral