สวีเดนในวันพุธ(30ธ.ค.) เพิ่มมาตรการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แนะนำนักเดินทางสวมหน้ากากยามอยู่บนระบบขนส่งสาธารณะระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน หลังจากประเทศแห่งนี้แถลงพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด
ประเทศแห่งนี้ไม่รู้เต็มใจกำหนดข้อบังคับเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมประชาชนต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่เท่าใดนัก แต่คำแนะนำฉบับปรังปรุงด้านการสวมหน้ากากดังกล่าว มีขึ้นหนึ่งหลังจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสวีเดน เพิ่งออกคำแนะนำให้บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสวมหน้ากากในวงกว้าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ในวันพุธ(30ธ.ค.) สวีเดน เปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 8,846 คน และเสียชีวิต 243 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ตัวเลขที่สูงลิ่วนี้เกิดขึ้นแม้หน่วยงานด้านสาธารณสุขระบุว่าสถิติในช่วงคริสต์มาสอาจบิดเบือนไปบ้าง เนื่องจากมีการตรวจเชื้อประชาชนน้อยลงและความล่าช้าในการรายงานยอดผูู้เสียชีวิต
"เราทราบว่าสถานการณ์ความแออัดบนระบบขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยง ดังนั้นการปิดปากจึงมีประโยชน์" อันเดรส เท็กเนลล์ นักระบาดวิทยาแห่งรัฐระบุในถ้อยแถลง พร้อมระบุว่าคำแนะนำดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม รัฐบาลสวีเดนแนะนำให้สวมหน้ากากระหว่างชั่วโมงเดินทางที่แออัด ไม่ได้ระบุเวลาที่แน่ชัด หรือบอกว่าเมื่อไหร่ที่ประชาชนควรเริ่มสวมหน้ากาก
ความเคลื่อนไหวอัพเดทคำแนะนำด้านสาธารณสุขจากหน่วยงานสาธารณสุขและเท็กเนลล์ ผู้อยู่เบื้องหลังยุทธศาตร์ไม่ล็อกดาวน์ของสวีเดน ถือการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายครั้งสำคัญในด้านกรอบคำแนะนำสาธารณสุขของประเทศแห่งนี้
ที่ผ่านมา ตลอดการแพร่ระบาด เท็กเนลล์ บอกว่าไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิผลของการสวมหน้ากาก และกลัวว่ามันอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างสำหรับการไม่ยอมกักกันโรค ยามที่ประชาชนแสดงอาการป่วยต่างๆนานา
ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมของสวีเดนอยู่ที่ 8,727 คน อัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนประชากรของพวกเขาจึงสูงกว่าบรรดาประเทศเพื่อนบ้านในแถบนอร์ดิกหลายเท่า แต่ขณะเดียวกันก็ต่ำกว่าหลายชาติในยุโรปที่เลือกใช้หนทางล็อกดาวน์
(ที่มา:รอยเตอร์