ผู้ผลิตเวชภัณฑ์อย่างน้อย 4 รายเชื่อว่าวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ทางบริษัทพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะป้องกัน “เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์” ที่แพร่ได้ง่ายขึ้นและกำลังระบาดหนักในอังกฤษ โดยอยู่ระหว่างการทดสอบเพิ่มเติม และคาดว่าจะแถลงผลได้ในอีก 2-3 สัปดาห์
อูเกอร์ ซาฮิน ซีอีโอของไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ผู้ผลิตยาสัญชาติเยอรมนีซึ่งจับมือกับไฟเซอร์ (Pfizer) พัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ออกมาแสดงความเชื่อมั่นวานนี้ (22 ธ.ค.) ว่า วัคซีนชนิด mRNA ของทางบริษัทจะให้ผลในการป้องกันที่ดีต่อเชื้อโควิดกลายพันธุ์
ทางด้านของ โมเดอร์นา อิงค์ (Moderna Inc), เคียวร์แวค (CureVac) และแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) มั่นใจเช่นกันว่าวัคซีนของตนสามารถสกัดกั้นไวรัสโควิดกลายพันธุ์ที่กำลังสร้างความปั่นป่วนในอังกฤษ และทำให้หลายประเทศต้องประกาศห้ามการเดินทาง, ปิดกั้นการขนส่งสินค้าระหว่างเกาะอังกฤษกับยุโรป และเสี่ยงที่จะทำให้อังกฤษถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ในทางวิทยาศาสตร์มีความเป็นไปได้สูงมากที่การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันซึ่งเกิดจากวัคซีนตัวนี้จะสามารถจัดการกับไวรัสกลายพันธุ์ได้ด้วย” ซาฮิน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
เขาระบุว่าน่าจะต้องใช้เวลาสักอีก 2 สัปดาห์เพื่อศึกษาและรวบรวมข้อมูล ก่อนจะได้คำตอบที่แน่นอน
“วัคซีนของเรามีกรดอะมิโนมากกว่า 1,270 ตัว และมีแค่ 9 ตัวเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป (ในไวรัสกลายพันธุ์) นั่นหมายความว่าโปรตีนอีก 99% ยังคงเหมือนเดิม”
เชื้อโควิดกลายพันธุ์ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “B.1.1.7” สามารถแพร่ได้ง่ายกว่าเดิมถึง 70% และเป็นอันตรายมากกว่าสำหรับเด็กๆ
ซาฮิน ย้ำว่าหากมีความจำเป็นจริงๆ นักวิทยาศาสตร์จะสามารถดัดแปลงวัคซีนชนิด mRNA ให้เข้ากับโปรตีนของไวรัสกลายพันธุ์ได้ในระยะเวลาเพียง 6 สัปดาห์ ซึ่งแตกต่างจากวัคซีนแบบดั้งเดิมซึ่งจะต้องมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า
วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค, โมเดอร์นา และเคียวร์แวค ล้วนแต่ใช้เทคโนโลยี mRNA ในขณะที่วัคซีนของแอสตราเซเนกาใช้อะดีโนไวรัสที่พบในลิงชิมแปนซีเพื่อส่งสารพันธุกรรมจากไวรัสโคโรนาไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน
องค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมเปิดการประชุมเพื่อหารือยุทธศาสตร์รับมือไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ แต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลาที่แน่นอน
ที่มา: รอยเตอร์