เอเอฟพี - ศาลสูงฮ่องกงเมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) พิพากษาให้คำสั่งการห้ามสวมหน้ากากในที่ชุมนุมไม่ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญฮ่องกง สร้างความผิดหวังเป็นอย่างมากให้กับนักเคลื่อนไหวฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก
เอเอฟพี รายงานเมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.) ว่า ในคำพิพากษาของศาลสูงสุดฮ่องกงที่ออกมาในวันจันทร์ (21) ตัดสินให้กฎหมายการห้ามสวมหน้ากากในที่ชุมนุมที่ออกระหว่างช่วงการชุมนุมฮ่องกงปี 2019 ว่าไม่ขัดกับกฎหมายพื้นฐาน (Basic Law) ซึ่งเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญของฮ่องกง
และในคำพิพากษายังชี้ว่า ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง แครี หล่ำ มีอำนาจในการออกกฎหมายใดๆในช่วงเวลาภาวะฉุกเฉินโดยที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกง
ระหว่างการประท้วงที่เกิดขึ้นในปี 2019 พบว่าผู้ประท้วงคนรุ่นใหม่ต่างสวมหน้ากากเพื่อปกปิดเป็นการลดความเสี่ยงการเปิดเผยตัวตนต่อเจ้าหน้าที่และถูกจับดำเนินคดีในการเข้าร่วม แต่ทว่าในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นทาง หล่ำผู้ว่าการเกาะฮ่องกงได้แก้ปัญหาด้วยการออกกฏหมายให้การสวมหน้ากากในที่ชุมนุมถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
แต่ทว่าฝ่ายที่เห็นตรงข้ามชี้ว่า กฎหมายห้ามการสวมหน้ากากในที่ชุมนุมอาจจะละเมิดต่อกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง โดยในศาลชั้นต้นได้ตัดสินเห็นชอบคล้อยตามกับกลุ่มผู้ประท้วงและยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายภาวะฉุกเฉิน และหลักความพอสมควรแก่เหตุในการลงโทษต่อการห้ามการสวมหน้ากาก
แต่ทว่าในวันจันทร์(21) คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดฮ่องกงออกเสียงเป็นเอกฉันท์สนับสนุนรัฐบาลฮ่องกง
“กรอบของอำนาจกฎหมายลำดับรอง (Subordinate Legislation) ภายใต้ ERO ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือสถานการณ์ที่รัฐเกิดภัยคุกคามถึงแม้จะมีขอบเขตกว้างขวางและยืดหยุ่นแต่มันไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ” รายงานจากคำพิพากษา
ทั้งนี้ในคำพิพากษายังระบุว่า “การแบนการสวมหน้ากากทั้งในการชุมนุมถูกกฎหมายและผิดกฎหมายมีคามสมเหตุสมผลเนื่องมาจากมีเป้าหมายไปที่การป้องกันและเป็นเครื่องขัดขวางความรุนแรงก่อนที่การรวมตัวอย่างสงบจะเสื่อมทรามลงเป็นความรุนแรงในที่สุด”