เอเจนซีส์ - ชาวอเมริกันหลายล้านคนต่างเลื่อนการไปหาหมอฟัน เพราะกลัวติดไวรัสโคโรนา ส่งผลทำให้สมาพันธ์ทันตกรรมสหรัฐฯ ADA มีความเห็นว่า หมอฟันสหรัฐฯสามารถขึ้นค่าธรรมเนียมรักษากับผู้ป่วยได้ รวมไปถึงปลดคนออก หรืออาจถึงขั้นขายกิจการให้กับบริษัทหลักทรัพทย์และนักลงทุน
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์รายงานเมื่อวานนี้ (19 ต.ค.) ว่า ระหว่างที่วิกฤตโควิด-19 ในสหรัฐฯยังคงมีอยู่ต่อไป อ้างอิงตัวเลขจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ วันอังคาร (20) สหรัฐฯมีผู้เสียชีวิตรวม 220,134 คน ติดเชื้อรวม 8,215,605 คน ขณะที่ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตรวม 1,119,369 คน และมีผู้ติดเชื้อรวม 40,464,761 คน
ทางสมาพันธ์สมาพันธ์อเมริกันทันตกรรม ADA (American Dental Association) ประเมินว่า ทันตแพทย์ในอเมริกาโดยเฉลี่ยต้องแบกภาระเพิ่มราว 15 ดอลลาร์ - 20 ดอลลาร์ต่อคนไข้หนึ่งคนสำหรับมาตรการป้องกันโควิด-19 และพบว่ามีทันตแพทย์บางส่วนได้ผลักภาระเหล่านี้ไปให้กับคนไข้ของพวกเขาด้วยการเพิ่มค่าการรักษา
ทั้งนี้ มาตรการป้องกันที่ว่ารวมไปถึงการมีเครื่องป้องกัน PPE เป็นต้นว่า หน้ากากอนามัย เสื้อกาวน์แบบใช้แล้วทิ้ง เครื่องฟอกอากาศ อุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรค การตรวจวัดอุณหภูมิคนไข้ การล้างมือและการเว้นระยะห่างทางสังคม และที่สำคัญคือ การสั่งให้คนไข้ต่อคิวรอในรถของตัวเองจนกว่าจะถึงเวลารักษา
ซึ่งผลกระทบจากการที่ต้องใช้เครื่องป้องกัน PPE มีมากสุดในกลุ่มทันตกรรมครอบครัว (family dental practice) เนื่องมาจากทันตแพทย์กลุ่มนี้ไม่สามารถผลักค่าใช้จ่าย PPE ส่วนนี้ออกไปได้ ผู้นำอุตสาหกรรมและนักวิเคราะห์ต่างกล่าวว่า มีทันตแพทย์ในสหรัฐฯจำนวนเพิ่มมากขึ้นที่ขายกิจการให้กับบริษัทหลักทรัพย์หรือนักลงทุนอื่น
ADA ยืนยันว่า ทันตแพทย์ในสังกัดยืนยันว่า หากว่าจำนวนคนไข้ที่เข้ามารับการรักษายังคงอยู่ในระดับต่ำเหมือนเช่นในปัจจุบันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทันตแพทย์เหล่านี้ระบุว่า พวกเขาคงต้องพิจารณาอย่างจริงจังในการขึ้นค่ารักษาคนไข้ รวมไปถึงกลุ่มคนไข้ที่มีประกันสุขภาพ และจะต้องมีการเลิกจ้างเกิดขึ้น หรือถึงขั้นขายกิจการ
ยูเอสเอทูเดย์ชี้ว่า จากสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ส่งผลทำให้คนไข้ชาวอเมริกันร่วมหลายล้านคนต่างเลื่อนนัดการทำฟันออกไปเพราะกลัวติดเชื้อ ซึ่งวิกฤตโรคโควิด-19 เริ่มต้นมาตั้งแต่หน้าใบไม้ผลิทำให้บรรดาคลินิกทันตกรรมต่างพากันปิดลงเว้นแต่เคสฉุกเฉิน และเมื่อ 99% ของคลินิกกลับมาเปิดใหม่อีกครั้งพบว่าจำนวนคนไข้ยังคงต่ำที่ 20% กว่าระดับปกติ
และทันตแพทย์อเมริกันต่างไม่คิดว่าสถานการณ์คนไข้ลดจะสามารถกลับมาได้ในเร็ววันถึงแม้บรรดาหมอฟันจะออกมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยทาง ADA คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายทางทันตกรรมของชาวอเมริกันสามารถตกไปถึง 38% ในปี 2020 และ 20% ในปี 2021 และจากการสำรวจความเห็นของบรรดาทันตแพทย์พบว่า มีไม่ต่ำกว่า 46% ยอมรับว่า จำนวนคนไข้ของตัวเองลดลงไม่น้อยกว่า 15% จากระดับปกติระหว่างช่วงเวลาสัปดาห์ของวันที่ 15 ต.ค
ซึ่งหนึ่งในชาวอเมริกันที่เดินทางไปพบทันตแพทย์ตามปกติ ลี (Lee) ช่างถ่ายภาพมืออาชีพในเมืองโคลัมเบีย (Columbia) รัฐเซาท์แคโรไลนา ยอมรับว่า ไม่ได้เดินทางไปหาหมอฟันมาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดเป็นเพราะเธอไม่ต้องการเสี่ยงติดเชื้อและอาจส่งผลถึงแม่วัย 76 ปีของตัวเอง โดยเธอแสดงความเห็นว่า
“คลินิกที่ดิฉันไปนั้นพวกเขาน่ารัก และได้โปรดอย่าเข้าใจผิด ดิฉันชอบหมอฟันและผู้เชี่ยวชาญด้านทันตานามัย (dental hygienist) ของดิฉันมาก” เธอกล่าว
แต่ชี้ว่า “แต่ดิฉันรู้ว่ากว่าครึ่งของพวกเขามีครอบครัว ซึ่งนั่นต้องหมายความว่า คุณกำลังไว้ใจไม่เพียงแต่แค่พวกเขา (ทันตแพทย์และเจ้าหน้าที่) แต่ยังรวมไปถึงลูกๆ ของพวกเขา สามีของคนเหล่านั้น และนั่นเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวมาก เพราะดิฉันต้องไว้ใจทุกคนเพื่อทำให้ตัวเองยังคงปลอดภัย”