เอเอฟพี/รอยเตอร์ – เกาหลีเหนือเริ่มต้นแคมเปญ 80 วันที่มีคนจำนวนมากทั้งกองกำลัง แรงงาน และนักเรียนภายใต้หน้ากากรวมตัวที่จัตุรัสคิม อิล-ซุง เมื่อวานนี้(12 ต.ค)เพื่อให้กำลังใจแก่รัฐบาลเกาหลีเหนือและผู้นำ คิม จองอึน
เอเอฟพีรายงานวันนี้(13 ต.ค)ว่า แคมเปญ 80 วันนั้นเป็นการรณรงค์เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจก่อนหน้าวันการประชุมใหญ่คองเกรสพรรคแรงงานเกาหลีเหนือที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า
โดยเมื่อวานนี้(12) เจ้าหน้าที่เปียงยางได้เคลื่อนกำลังพลเพื่อเริ่มต้นแคมเปญนี้
ความพยายามเช่นนี้มักถูกเรียกว่า “การต่อสู้” ที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานในระยะเวลานานหลายชั่วโมง หรือภารกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับในเกาหลีเหนือที่จะเกิดขึ้นก่อนการจัดงานใหม่
ซึ่งในวันจันทร์(12)ที่จัตุรัสคิม อิล-ซุง พบว่ามีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากทั้งในส่วนกองกำลัง ผู้ใช้แรงงาน และนักเรียน โดยทุกคนต่างสวมหน้ากาก และต่างถือสโลแกนที่มีข้อความต่างๆรวมถึง “ขอให้ก้าวย่างไปพร้อมกับผู้นำที่รักยิ่งของพวกเรา สหาย คิม จองอึน”
นี่ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากการพาเหรดของกองทัพที่ถูกจัดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือที่ไม่ว่าทั้งประธานาธิบดีคิม หรือคนอื่นๆสวมหน้ากาก
เอเอฟพีรายงานว่า คิมและเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือคนอื่นๆเข้าเข้าชมการแข่งกีฬา “แมส เกมส์” ที่ถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์(11)โดยไม่สวมหน้ากาก ขณะผู้เข้าร่วมคนอื่นๆมีการสวมหน้ากากให้เห็น
ขณะรอยเตอร์รายงานวานนี้(12)ว่า ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวแถลงภายในงานพาเหรดสวนสนามกองทัพสุดสัปดาห์ด้วยอารมณ์ที่สะเทือนใจอย่างเห็นได้ชัด
โดยเขาได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อการเสียสละของกองทัพเกาหลีเหนือและขอโทษต่อประชาชนที่ล้มเหลวการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งหลาย
โดยในวันเสาร์(10) ซึ่งเปียงยางฉลองครบรอบ 75 ปีการก่อตั้งพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ คิมใช้โอกาสนี้ขอบคุณกองกำลังที่ได้เข้าช่วยในวิกฤตที่เกิดความเสียหายจากพายุ และรวมไปถึงการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19
คิม จองอึนชี้ว่า เขารู้สึกยินดีที่ไม่มีประชาชนเกาหลีเหนือแม้แต่คนเดียวติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่ทั้งสหรัฐฯและเกาหลีใต้ต่างออกมาตั้งข้อสงสัยก่อนหน้า
“ความพยายามและความจริงใจของผมนั้นไม่มากพอที่จะขจัดความยากลำบากของประชาชนในชีวิตของพวกเขา” คิมกล่าว และเสริมต่อว่า “ประชาชนของพวกเรา อย่างไรก็ตาม นั้นยังคงเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมในตัวผม และยังสนับสนุนทางเลือกของผมและความมุ่งมั่นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม”
ทั้งนี้สหประชาชาติกล่าวว่ามีราว 40% ของประชากรทั้งหมดกำลังเผชิญหน้ากับอาหารขาดแคลน